องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก ประกาศให้เมืองเฮบรอน หนึ่งในเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในโลก เป็นมรดกโลกและเป็นดินแดนของปาเลสไตน์ สร้างความไม่พอใจให้แก่สหรัฐฯ และอิสราเอล โดยนางนิกกี้ ฮาเลย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ กล่าวว่า สหรัฐฯ จะทบทวนความสัมพันธ์กับยูเนสโก เพราะการตัดสินใจดังกล่าวเป็นการหมิ่นประวัติศาสตร์ ทั้งยังลิดรอนความน่าเชื่อถือของยูเนสโกเอง โดยขณะนี้สหรัฐฯ อยู่ระหว่างประเมินระดับความเกี่ยวพันกับยูเนสโกที่เหมาะสม ขณะที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล วิจารณ์การลงมติตัดสินใจประกาศเรื่องดังกล่าวว่า เป็นการหลงผิด แต่กระทรวงการต่างประเทศของปาเลสไตน์ระบุว่า การที่ยูเนสโกลงมติเรื่องนี้เท่ากับเป็นการยอมรับว่า เมืองเฮบรอนและสุเหร่าอิบราฮิมอยู่ภายใต้อธิปไตยของปาเลสไตน์ และถือเป็นความสำเร็จสำหรับความพยายามทางการทูตของปาเลสไตน์ หลังอิสราเอลใช้วิธีรณรงค์บิดเบือนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสิทธิของชาวปาเลสไตน์ ทั้งนี้ เมืองเฮบรอนเป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์ของชาวยิว มุสลิม และคริสต์ โดยเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในเขตเวสต์แบงก์ ดินแดนของปาเลสไตน์ที่อยู่ในการยึดครองของอิสราเอล ปัจจุบัน มีชาวปาเลสไตน์อาศัยอยู่กว่า 200,000 คน และมีผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยิวอาศัยอยู่ไม่กี่ร้อยคน ภายใต้การคุ้มครองของทหารอิสราเอล ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ ระงับการให้เงินสนับสนุนยูเนสโกเมื่อปี 2554 หลังจากยอมรับปาเลสไตน์เป็นรัฐสมาชิก ขณะที่ อิสราเอลกล่าวหายูเนสโกว่า มีอคติต่ออิสราเอลเป็นปกติวิสัย
ทีมต่างประเทศ
CR:world.news.sorozatwiki.hu/news/us-reviews-ties-with-unesco-over-hebron-decision