ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30 น.
+++หลังนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจ 36 คน โดยมีพล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธาน วานนี้ (6ก.ค.) พล.อ.บุญสร้าง ได้เข้าหารือกับ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เพื่อพูดคุยถึงบุคคลที่มาทำหน้าที่คณะกรรมการและเลขานุการ รวมถึงการกำหนดสถานที่ วันประชุม และเบี้ยประชุม รวมไปถึงเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง พร้อม ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเกี่ยวกับแผนและแนวทางการปฏิรูปตำรวจ โดยกล่าวเพียงสั้นๆ ว่าขอเวลาอีก 1 สัปดาห์จะให้สัมภาษณ์ที่รัฐสภา ซึ่งจะใช้เป็นสถานที่การประชุมคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจ จะเริ่มประชุมนัดแรกในสัปดาห์หน้า เบื้องต้นจะมีการประชุมสัปดาห์ละ 1 วัน และในการประชุมนัดแรกจะเป็นการทำความเข้าใจกรอบการทำงานร่วมกัน ตามที่ได้มีการหารือกับนายวิษณุ เครืองาม รวมทั้งจะมีการตั้งรองประธาน และผู้ทำหน้าที่เลขานุการด้วย
+++วันนี้ เวลา 14.30 น. นายกรัฐมนตรีมอบนโยบายคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) ทำเนียบรัฐบาล
+++นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงแนวทางการปฏิรูปตำรวจ ที่มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาทำงานว่าเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญมีจุดมุ่งหมายให้ตำรวจทำหน้าที่ของเขา สามารถเติบโตไปตามผลการทำงานไม่ใช่การวิ่งเต้น เชื่อว่าตำรวจทำงานดี แต่อุปสรรคคือต้องเหลือบตาดูผู้มีอิทธิพลว่าจะเอาอย่างไร ซึ่งคณะกรรมการปฏิรูปก็ต้องพิจารณาว่าจะทำอย่างไรให้เกิดผล
+++ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้ติดใจอะไรที่ประธานต้องเป็นตำรวจ คงต้องให้โอกาส พล.อ.บุญสร้างในการทำงาน แต่ต้องยอมรับว่าองค์ประกอบของกรรมการมีข้าราชการตำรวจค่อนข้างเยอะ ทำให้หลายคนวิตก เพราะเมื่อเข้าไปแล้วจะมี 2 อย่างคือ 1.ปกป้องสภาพที่เป็นอยู่ และ 2.เสนออะไรซึ่งกลายเป็นการไปเพิ่มอำนาจ รวมศูนย์อำนาจขึ้นมาก็จะไม่สอดคล้องกับการปฏิรูป
+++ด้านนายสังศิต พิริยะรังสรรค์ คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต พร้อมทนายความเดินทางรับทราบข้อกล่าวต่อพนักงานสอบสวนสน.ลุมพินี กรณีถูกแจ้งข้อกล่าวร่วมกันหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา จากการเป็นวิทยากรในงานเสวนาเชิงวิชาการในหัวข้อเรื่อง "ตำรวจไทย มีไว้ทำอะไร" ที่จัดโดยองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) เมื่อวันที่ 26 ม.ค โดยกองบังคับคดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้แจ้งความไว้ที่สน.ลุมพินี ท้องที่เกิดเหตุ ยืนยันว่า การพูดไปตามหัวข้อในงานเพื่อเป็นแนวทางการปฏิรูปตำรวจ ที่ผ่านมาคำตัดสินของศาลฎีกา มีคำพิพากษาว่าบุคคลจะดูหมิ่นองค์กรไม่ได้ และที่ตนไปกล่าวในงานนั้น ก็ไม่ได้หมิ่นประมาทตำรวจเป็นรายบุคคล ซึ่งการที่ตนเดินทางมาพบเจ้าหน้าที่ถือเป็นเรื่องดี เพราะช่วงนี้มีการตั้งคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจ ซึ่งประชาชนก็จะแสดงความคิดเห็นเรื่องตำรวจได้ และจะดูว่าจะถูกฟ้องหมิ่นประมาทอีกหรือไม่ หากมีใครแสดงความเห็นในเรื่องการปฏิรูปนี้
+++หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ป.ป.ป.) เดินทางเข้าไปตรวจสอบวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ หลังพบความผิดปกติในการใช้ งบประมาณบูรณปฏิสังขรณ์วัด ที่ได้รับจากสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) นั้น รวมทั้งมีการสอบสวนพระสงฆ์ ในฐานะพยาน และขอเอกสารบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับการยื่นของบประมาณต่างๆ กับทางสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มาเป็นหลักฐาน โดยในส่วนของหลักฐานที่ทางตำรวจต้องการและจำเป็นที่ต้องตรวจสอบคือเอกสารชี้แจงการใช้งบประมาณ 28 ล้านบาท ที่เป็นงบบูรณปฏิสังขรณ์วัด แต่ทางพระสงฆ์ผู้ถือเอกสารไม่อยู่จึงต้องรอเรียกมาสอบสวนอีกครั้งหนึ่ง นายสมศักดิ์ โตรักษา ที่ปรึกษาสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กล่าวว่าในได้อยู่ในการตรวจสอบเอกสาร เพื่ออำนวยความสะดวกในด้านกฎหมายให้กับทางวัดและสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เนื่องจากท่านได้ลงมาร่วมรับฟังการตรวจสอบเอกสารด้วย ก่อนที่จะออกไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกาย ซึ่งจากการตรวจสอบยืนยันได้ว่าทางวัดปากน้ำ ไม่มีกรณีเงินทอนแน่นอน
+++พระพรหมโมลี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำฯ กล่าวว่าได้ร่วมให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจป.ป.ป. ซึ่งนำโดยพ.ต.อ.ปัญญา ลาภประเสริฐ เป็นหัวหน้าคณะ ยืนยันว่าทางวัดไม่มีเรื่องเงินทอนแต่อย่างใด ซึ่งการหารือเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทาง ป.ป.ป.มีความสุภาพ ส่งผลให้บรรยากาศไม่ตึงเครียด ที่สำคัญสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ยังได้มาร่วมฟังการชี้แจงการใช้งบประมาณต่างๆเป็นเวลานานกว่า 1 ชั่วโมงด้วย ที่ผ่านมาวัดปากน้ำฯ เน้นสร้างประโยชน์ต่อสาธารณะเป็นอย่างมาก โดยสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ได้ร่วมกับคณะศิษย์ บริจาคเงินสร้างอาคารสำนักงานพศ. จำนวน 2 หลัง กว่า 200 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันใช้เป็นที่ทำการ ของเจ้าหน้าที่พศ. รวมทั้งจัดสร้างอาคารที่ประชุมมหาเถรสมาคม(มส.) ที่พุทธมณฑล อีก 35ล้านบาท ทั้งสร้างศาสนสถานสำคัญในพุทธมณฑลมากมาย อาทิ หอพระไตรปิฎกหินอ่อน อาคารหอสมุดพระพุทธศาสนามหาสิรินาถ และตลอดช่วงที่ผ่านมาวัดปากน้ำฯ ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่บ้านเมืองตลอด
+++นายธนพัฒน์ สุขเกษม ตัวแทนเครือข่ายประชาชนปฏิรูป พร้อมชาวบ้านวัดชัยพฤกษมาลา ราชวรวิหาร ตลิ่งชัน เดินทางเข้าพบร.ต.อ.หญิง นุตรจริน สีเห็มทอง รองสว.(สอบสวน) กก.1 บก.ปปป. เพื่อร้องเรียนให้ตำรวจบก.ปปป. เข้าตรวจสอบเงินของวัดชัยพฤกษมาลา ว่ามีการทุจริตเงินวัดหรือไม่ ด้านน.ส.กรอย อ่อนเจริญ ชาวบ้านชุมชนวัดชัยพฤกษมาลา กล่าวว่าอยากให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบว่าวัดนำเงินไปทำอะไรบ้าง เพราะที่ผ่านมาทางวัดไม่มีการชี้แจงเงินของวัดที่ได้มาเลย ทั้งเงินบริจาค เงินกฐิน เงินธรณีสงฆ์ ฯลฯ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เจ้าอาวาสคนเก่าได้เคยขึ้นป้ายชี้แจงเงินวัด และยังได้ยื่นเรื่องร้องเรียนไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายครั้งแต่เรื่องกลับเงียบหายไป ตั้งแต่ที่เจ้าอาวาสย้ายเข้ามาที่วัดเมื่อปี 2547 ชาวบ้านก็ได้รับความเดือดร้อน เพราะมีการไล่รื้อบ้านของชาวบ้านในชุมชน มีการเรียกเก็บเงินค่าเช่าที่กับชาวบ้านทุกปี หากไม่พอใจบ้านไหนก็จะไม่ยอมให้ต่อสัญญา จึงอยากมีการตรวจสอบวัดชัยพฤกษมาลาด้วย
+++มีการประชุมคณะกรรมการพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (ฉบับที่..) พ.ศ..... หรือกฎหมายบัตรทอง โดยมี นายวรากรณ์ สามโกเศศ เป็นประธาน เพื่อพิจารณาประเด็นข้อสรุปจากการรับฟังความเห็น โดยใช้เวลาในการประชุมกว่า 7 ชั่วโมง ยังเหลือ 2 ประเด็นใหญ่ คือ 1.ประเด็นแยกเงินเดือนบุคลากรสาธารณสุขออกจากงบเหมาจ่ายรายหัว และ 2.เรื่องการจัดซื้อยาที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) ไม่มีอำนาจในการดำเนินการ ส่วนอีก 3 ประเด็นย่อยเกี่ยวกับเรื่องการใช้คำที่ต้องรอความคิดเห็นจากคณะกรรมการกฤษฎีกา ทั้งหมดจะนำเข้าพิจารณาในวันที่ 13 ก.ค. สำหรับเรื่องการร่วมจ่ายมีการพิจารณาแล้วแต่ขอเปิดเผยพร้อมข้อประเด็นอื่นๆ ส่วนการประเมินผลกระทบจากการแก้พ.ร.บ.ดังกล่าว ที่ทำโดยสถาบันพระปกเกล้าจะเสร็จในวันที่ 12 ก.ค.นี้
+++สำหรับกรณีข้อเสนอของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่ให้ผู้ป่วยโรคไตร่วมจ่าย เพราะมีค่าใช้จ่ายสูง ตรงนี้น่าจะขัดกับรัฐธรรมนูญ ในเรื่องสิทธิเสมอภาคและความเท่าเทียม ที่ไม่ควรหยิบเรื่องสุขภาพมาทำให้เกิดความแตกต่างและเลือกปฏิบัติว่ากลุ่มที่มีค่าใช้จ่ายสูงต้องร่วมจ่ายผู้สื่อข่าวถามถึงการแยกเงินเดือนจากงบเหมาจ่าย ไม่ได้เป็นการดึงงบกลับมาที่ สธ. แต่ทำให้สะท้อนความจริงเรื่องงบประมาณน.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และกรรมการ สปสช.สัดส่วนภาคประชาชน กล่าวว่า อย่าลืมว่าแม้จะแยกออกมาให้เห็นงบประมาณชัดเจนว่าอันไหนคือเงินเดือน ส่วนไหนคือค่ารักษา แต่ในความเป็นจริงยังมีค่าจ้างพนักงาน ลูกจ้างต่างๆ ที่อยู่ในงบเหมาจ่ายรายหัวอีก ซึ่งการแยกเงินเดือน ไม่ได้รวมในส่วนนี้ด้วย
+++วันนี้ เวลา 09.30 น. นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (กพย.) ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล
+++นายฟิลิปโป กรันดี (Filippo Grandi) ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี ในโอกาสเยือนไทยอย่างเป็นทางการ