สรุปข่าว 19.35 น.
++++พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เชื่อว่า การเดินทางกลับของแรงงานต่างด้าวจะไม่ส่งผลกระทบ เพราะ ที่ผ่านมาทั้งไทย กัมพูชา สปป.ลาว และเมียนมาร์ ได้ลงนามบันทึกความร่วมมือทำความเข้าใจเรื่องของกฎหมายแรงงานแล้ว ขณะเดียวกันผู้ประกอบการรับทราบข้อมูลข่าวสารมาตลอด เพียงแต่ กฎหมายนี้มีอัตราโทษการปรับในจำนวนเงินที่สูงขึ้น รัฐบาลจึงขยายเวลาเพื่อให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง กลับไปดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นผลดีต่อประเทศไทยในระยะยาว เพราะมาตรการดังกล่าวรองรับกฎหมายค้ามนุษย์ที่ทั่วโลกจับตามองอยู่ ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าเจ้าหน้าที่รัฐ เรียกรับผลประโยชน์นั้น ได้กำชับให้ตำรวจ ทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดูแลอย่างเข้มงวด หากพบมีการกระทำผิดก็จะดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญา
+++หลังมีผู้ใช้เฟสบุคชื่อว่า Suding Su Patani โพสต์ภาพของ พล.ท.ปิยวัฒน์ ลงบนเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 5 ก.ค. พร้อมเขียนข้อความว่า “ประกาศตัดหัวให้ 1,000,000” พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 คิดว่าการที่โพสประกาศค่าหัวนั้น เป็นเพียงการลดปมด้อยของพวกเขา ที่ไม่มีงาน ไม่มีอาชีพ อีกทั้งก็ไม่มีใครสนับสนุนเงินทั้งใน และต่างประเทศ รวมถึงภัยแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นในพื้นที่ก็ไม่ให้ความสนับสนุน เช่นกัน ดังนั้นเงิน 1 ล้านบาท จึงมีค่า และมีความหมายสำหรับพวกเขาในความเป็นจริงประชาชนในพื้นที่ เขาปฏิเสธการใช้ความรุนแรง ซึ่งพวกเขามองว่าเงิน 1 ล้านบาท ไม่มีค่าสำหรับเขา เพราะว่าพี่น้องประชาชนมีอาชีพสุจริต มีรายได้ และมีงานทำกับโครงการของรัฐบาล จึงทำให้มีความมั่นคั่ง และยั่งยืน จากกรณีที่เกิดขึ้น จะเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้ตนเอง หรือไม่ แม่ทัพภาค 4 กล่าวว่า ตนทำงานตามปกติไม่มีอะไร ซึ่งเรื่องนี้ถ้ามองอีกมุมคิดว่าดีเสียอีกให้เขามาหาเรา เราจะได้ไม่ต้องไปหาเขา ส่วนจะเชื่อมโยงกับโครงการพาคนกลับบ้าน หรือไม่ พล.ท.ปิยวัฒน์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับโครงการนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ในพื้นที่ เขาไม่ต้องการความรุนแรง แต่ต้องการความสงบ ซึ่งการนำโครงการต่างๆลงไปในพื้นที่ ทำให้เข้าถึงประชาชนในพื้นที่ได้ ซึ่งตอนนี้อยู่ในช่วงการพัฒนา โดยใช้หลักมั่นคง มั่นคั่ง และยั่งยืน
+++ที่ประชุมคณะอนุกรรมการตุลาการมีมติเอกฉันท์เห็นชอบผ่านคุณสมบัตินายชีพ จุลมนต์ รองประธานศาลฎีกา ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานศาลฎีกาคนที่ 44 ต่อจากนายวีระพล ตั้งสุวรรณ ประธานศาลฎีกาคนปัจจุบัน ที่จะพ้นวาระการบริหารงานในวันที่ 30 กันยายน หลังมีการประชุมพิจารณากลั่นกรองคุณสมบัตินานกว่า 3 ชั่วโมง หลังจากนี้สำนักงานศาลยุติธรรมเตรียมนำมติรายงานต่อที่ประชุมคณะกรรมการตุลาการ ในวันที่ 11 กรกฎาคม เพื่อพิจารณาเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งต่อไป
+++นายศิริชัย วัฒนโยธิน ประธานศาลอุทธรณ์ ออกมาเปิดใจเป็นครั้งแรก ยหลังจากที่ประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) มีมติ ไม่แต่งตั้งให้ขึ้นเป็นประธานศาลฎีกา โดยอ้างเหตุผลด้านความเหมาะสม แม้จะมีอาวุโสสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งก็ตาม นายศิริชัย กล่าวว่า มีความเคารพในมติของ ก.ต. และไม่รู้สึกติดใจใดๆ เนื่องจากทำงานในศาลยุติธรรมมาหลายสิบปี จึงรู้กติกาดีว่าตามระบบศาลยุติธรรม คณะกรรมการ ก.ต.มีหน้าที่พิจารณาการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตุลาการ และคำวินิจฉัยถือเป็นที่สุด ไม่สามารถอุทธรณ์หรือฎีกาได้ ดังนั้นจึงไม่อาจทบทวนได้อีก เมื่อก.ต.มีมติไม่เห็นชอบ ก็ยอมรับตามเหตุผลว่าตนไม่เหมาะสม ขอยืนยันว่าเคารพมติของ ก.ต. ไม่ติดใจ และไม่เคยคิดจะฟ้องร้อง
+++ในวันนี้ที่ประชุมอนุ ก.ต. ผ่านชื่อนายชีพ จุลมนต์ รองประธานศาล นายศิริชัย กล่าวว่า เป็นไปตามระเบียบขั้นตอน ซึ่งก็เชื่อว่าหากนายชีพได้เป็นประธานศาลฎีกาก็คงจะดำเนินนโยบายต่อไป ตนก็เป็นเพื่อนกันกับนายชีพ จบนิติศาสตร์รามคำแหงรุ่นเดียวกัน ไม่มีอะไรคาใจกัน ย้ำว่า ไม่เคยมีแนวคิดที่จะลาออก เพราะตนยังทำงานรับใช้ในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ต่อไป และตนยังทำงานได้ ซึ่งตนเป็นคนมีประสบการณ์ในการทำงานเยอะ และจะให้ความเป็นธรรมกับประชาชนได้ดี ซึ่งพอทำงานครบ 65 ปี ตนก็ยังจะพร้อมดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโสต่อไปอีก อายุ 70 ปี ก็ยังอยากทำงานอยู่
+++การโยกย้ายข้าราชการภายในสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โดย พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ลงนามคำสั่งโยกย้ายข้าราชการของ พศ. 8 คน นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในวันที่ 12 กรกฎาคมนี้ จะประชุมร่วมกับ พศ. และกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) โดยจะพูดคุยถึงความคืบหน้าและแนวทางแก้ปัญหาทุจริตเงินอุดหนุนวัด ซึ่งขณะนี้ทางฝ่ายคณะสงฆ์ไม่อยากให้มีวิพากษ์วิจารณ์สร้างภาพลบต่อฝ่ายพระสงฆ์ เพราะข้อเท็จจริงยังไม่ปรากฎว่าวัดหรือพระสงฆ์มีความผิดหรือไม่ นอกจากนั้น จะขอคำเสนอแนะจากพระผู้ใหญ่ เรื่อง การจัดทำบัตรประจำตัวพระสงฆ์ หรือ ใบสุทธิ รูปแบบใหม่ ซึ่งอาจเป็นแบบบัตรสมาร์ทการ์ดของพระสงฆ์แต่ละรูป อาทิ เริ่มบวชเมื่อใด จำที่วัดไหน ได้รับการเลื่อนสมณศักดิ์เมื่อใดบ้าง เคยสึกแล้วหรือไม่ กลับมาบวชอีกหรือไม่ อย่างไร มีประวัติในคดีอาชญากรรมหรือคดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดหรือไม่ เพื่อให้สามารถตรวจสอบประวัติพระรูปนั้น ๆ ได้จากบัตรใบเดียว เนื่องจากปัจจุบัน ใบสุทธิ เป็นบัตรกระดาษ ไม่สามารถบันทึกข้อมูลเหล่านี้ได้อย่างครบถ้วน ทั้งนี้คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวคิดดังกล่าวแล้ว อาจเริ่มทำบัตรกับพระผู้ใหญ่ที่มีพรรษายาวนาน เบื้องต้นจะทำบัตรให้กับพระที่บวช 1 ปีขึ้นไป ส่วนพระที่บวชระยะสั้น คงไม่ต้องทำบัตรสมาร์การด์พระ”
+++การเซ็ตซีโร่ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ตามร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) รับหลักการวาระที่ 1 ไปแล้วนายวัส ติงสมิตร ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ส่วนตัวยังเห็นว่า ไม่มีเหตุอะไรที่จะต้องเซ็ตซีโร่ กสม. จึงหวังว่า สนช.จะพิจารณาปัญหานี้อย่างละเอียดรอบคอบ
+++นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สิ้นเดือนกรกฎาคมนี้เตรียมประกาศปรับเพิ่มเป้าหมายจีดีพีทั้งปี จากร้อยละ 3.3 ในปัจจุบัน เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจมีทิศทางดีขึ้น จาก หลายปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้นต่อเนื่อง ทั้งการส่งออกในช่วง 5 เดือนแรกขยายตัวร้อยละ 7.2 และกำลังติดตามการเบิกจ่ายงบกลางปี หากเบิกจ่ายได้มากกว่าร้อยละ 60 หลังจากสำนักงบประมาณผลักดันเงินออกสู่ระบบให้เป็นไปตามเป้าหมาย การลงทุนภาคเอกชน หลังจากลงนามสัญญาก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่หลายโครงการ จึงได้เริ่มนำเข้าเครื่องจักร วัตถุดิบ ทำให้ตัวเลขการนำเข้าเป็นบวกมากขึ้นร้อยละ 10 รวมถึงการเริ่มจัดหาแรงงานเพิ่ม
+++นายวีระพงษ์ วงศ์แหวน ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่าในวันพรุ่งนี้ เตรียมยื่นหนังสือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ศูนย์ดำรงธรรม เพื่อทบทวนปฏิรูปเส้นทางเดินรถโดยสาร รวมทั้งต้องการเสนอให้นายกฯ ใช้ ม.44 เร่งรัดจัดหารถใหม่ อาทิ รถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน รถเมล์ไฟฟ้า 200 คัน หลังจากนั้นจะทยอยยื่นหนังสือให้นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อสอบความถึงความคืบหน้าในการจัดหารถเมล์ใหม่มาวิ่งให้ประชาชนและแนวทางแก้ปัญหาเรื่องปฏิรูปเส้นทางรถเมล์ ส่วนการติดตั้งกล่องเก็บค่าโดยสาร (Cash box) และเครื่องสแกนตั๋วอัตโนมัติ (อี-ทิคเก็ต) รถเมล์นั้น ต้องการให้มีใช้ แต่ไม่ให้กระทบพนักงาน ขสมก. โดยไม่เห็นด้วยกับการติดตั้งอี-ทิคเก็ตในรถเมล์ฟรีไม่เหมาะสม เพราะรถเมล์ฟรีมีสภาพเก่า ใช้งานหลายปี หากติดตั้งไปแล้วใช้งานไม่กี่ปีต้องถอดออก ทำให้มีค่าใช้จ่าย เสียเวลาและทำงานซ้ำซ้อนในการดำเนินการ ควรรอติดตั้งอี-ทิคเก็ตกับรถเมล์ใหม่เหมาะสมกว่า ส่วนการปฏิรูปเส้นทางแล้วอัตราค่าโดยสารไม่ต้องปรับ เพราะประชาชนเดือดร้อน รัฐบาลต้องเป็นผู้อุดหนุนไม่ใช่ผลักภาระให้ประชาชน
+++ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดร่วงลงหลุดจากระดับ 20,000 จุดเป็นครั้งแรกในรอบ 3 สัปดาห์ในวันนี้ เนื่องจากความตึงเครียด จากการยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ รวมถึงนักลงทุน ยังวิตกกังวลว่า พายุฝนที่พัดกระหน่ำพื้นที่ฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่นอาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศปิดลบ 87.57 จุด แตะที่ 19,994.06 จุด
+++ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปิดตลาด ลดลง 5.38 จุด อยู่ที่ 1,569.64 มูลค่าการซื้อขาย 47,609.45 ล้านบาท
+++ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดวันนี้ปรับตัวลดลงจากได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปิดร่วงลงกว่า ร้อยละ 4 เมื่อคืนนี้ รวมถึงแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะเริ่มปรับลดงบดุลในเร็วๆนี้ ดัชนีฮั่งเส็งลดลง 56.75 จุด ปิดที่ 25,465.22 จุด
++++โรงพยาบาลในจีนที่ทำการรักษาโรคมะเร็งให้นายหลิว เสี่ยวโป เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพปี 2553 ที่ถูกทางการคุมขังก่อนหน้านี้ ออกแถลงการณ์ระบุว่า นายหลิวถูกตรวจพบว่าป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ขณะถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำฐานกระทำความผิดบ่อนทำลายชาติด้วยการเรียกร้องให้มีการปฏิรูปทางการเมืองในจีน ด้านบรรดาผู้สนับสนุนเรียกร้องให้ทางการจีนปล่อยตัวนายหลิว รวมถึงให้สิทธิเสรีภาพในการเลือกสถานที่รักษาแก่นายหลิวด้วย.