สรุปข่าว 19.35 น.
++หลังกัมพูชาสั่งปิดด่านข้ามแดนกัมพูชา 43 ด่าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าว เป็นด่านข้ามแดนธรรมชาติ หรือ ช่องทางอนุโลม ไม่ใช่ด่านชายแดนถาวร จึงไม่เกี่ยวข้องกับการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 แต่เป็นการปิด เพื่อป้องกันการลักลอบขนสินค้าหนีภาษีตามแนวชายแดน ส่วนการที่แรงงานต่างด้าวเดินทางกลับภูมิลำเนานั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะแรงงานจะเดินทางกลับประเทศ และเข้ามาใหม่ ไม่ต้องมีมาตรการรับมือ เพราะมีการลงนามความร่วมมือในการเดินทางข้ามแดนอยู่แล้ว ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานยืนยันว่า จะสามารถจัดระเบียบทันกรอบเวลา 180 วัน และที่ประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็เห็นชอบแล้ว โดยนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ ลงพื้นที่ตรวจสอบ กรณีมีเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ตั้งจุดตรวจเรียกรับผลประโยชน์จากผู้ประกอบการ และกำชับว่า ห้ามมีการกระทำดังกล่าวโดยเด็ดขาด หากพบเห็นสามารถแจ้งยังรัฐบาลได้ทันที
+++ นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิปสนช.) เปิดเผยว่า การประชุมสนช.ในวันที่ 6 ก.ค.จะมีการพิจารณาพ.ร.ก.การบริหารจัดการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 ซึ่งจำนวน 145 มาตรา โดยสนช.เห็นชอบหรือไม่เห็นชอบด้วยมติเกินกึ่งหนึ่งเท่านั้น ไม่มีอำนาจในการแก้ไขเนื้อหาในพ.ร.ก.ฉบับดังกล่าวแต่อย่างใด แต่หากไม่เห็นชอบจะมีผลให้พ.ร.ก.ดังกล่าวตกไป แต่หากให้ความเห็นชอบจะมีผลให้พ.ร.ก.ฉบับดังกล่าวเป็นพ.ร.บ.ทันที ส่วนคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตามมาตรา 44 ที่จะเป็นการชะลอการใช้พ.ร.ก.บางมาตรามาพิจารณาด้วย จะไม่มีผลต่อการพิจารณาของสนช.ในวันที่ 6 ก.ค. เพราะในทางปฏิบัติแล้วสามารถใช้มาตรา 44 และพ.ร.ก.ควบคู่กันไปได้ และเมื่อพ้นระยะเวลาการชะลอการใช้บางมาตราใช้พ.ร.ก.ตามมาตรา 44 แล้วเนื้อหาในพ.ร.ก.ก็จะสามารถบังคับใช้ได้ตามปกติต่อไป ขณะที่ ในวันเดียวกัน สนช.จะพิจารณาให้ความเห็นชอบกับพ.ร.ก.การประมง (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560 ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.ที่ผ่านมาด้วย ส่วนการประชุมสนช.ในวันที่ 7 ก.ค.จะมีการพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลให้ดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุดตามมาตรา 10 ของพ.ร.บ.องค์กรอัยการและพนักงานอัยการพ.ศ.2553 ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) ได้เสนอให้นายเข็มชัย ชุติวงศ์ รองอัยการสูงสุด ดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุด โดยตามขั้นตอนนั้นทางสนช.จะมีการคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อก่อน โดยมีเวลาพิจารณา 30 วัน
+++มีการประชุมคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นัดแรก ใช้เวลากว่า 5 ชั่วโมงว่า ที่ประชุมได้พิจารณาข้อโต้แย้งของกกต.ใน 6 ประเด็น และมีมติเสียงส่วนใหญ่คือ 9 ต่อ 1 โดยนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ประธานกมธ.งดออกเสียง เห็นว่า ทั้ง 6 ประเด็นที่กกต.แย้งมา ไม่ขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มีเพียงนายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. ที่ไม่เห็นด้วยและขอสงวนความเห็นไว้ในฐานะกรรมาธิการเสียงข้างน้อย ทั้งนี้ ในวันที่ 7 ก.ค. กมธ.ร่วม จะมีการประชุมอีกครั้งเพื่อตรวจรายละเอียดอีกครั้งก่อนเสนอประธานสนช. เพื่อบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมสนช. ซึ่งคาดว่าเข้าที่ประชุมได้ในวันที่ 13 ก.ค.หรือวันที่ 14 ก.ค. เชื่อว่าสมาชิกสนช.จะโหวตผ่านร่างพ.ร.บ.
++++หลังรัฐธรรมนูญระบุคุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส.ว่าจะต้องพ้นจากการเป็นสมาชิกสภาขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศ (สปท.) และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คณะรัฐมนตรี และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ภายใน 90 วัน หลังรัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวว่า จะครบกำหนด 90 วันภายในวันที่ 5 ก.ค. ดังนั้น หากสมาชิกแม่น้ำ 4 สาย ที่ต้องการจะลงสมัคร ส.ส. จะต้องลาออกภายในวันพรุ่งนี้ (5 ก.ค.) ซึ่งมีสิทธิถึง 24.00 น. แต่มีปัญหาว่าเจ้าหน้าที่จะอยู่รับเรื่องหรือไม่ ส่วนเหตุผลที่ระบุเงื่อนเวลา 90 วันเอาไว้ เพราะไม่อยากให้มีสิทธิในการร่วมพิจารณากฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง และในส่วนของ สปท. ก็มีสิทธิเสนอแนะรัฐบาลถึงเรื่องการปรับเปลี่ยนกติกา และการปฏิรูปต่างๆ ที่เกี่ยวกับการเมือง และอาจจะถือเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ส่วนคนที่จะลงสมัครเข้ารับการสรรหาเป็น ส.ว. ไม่จำเป็นต้องลาออกในระยะเวลาดังกล่าว
++++การแต่งตั้งปลัดกระทรวงมหาดไทยคนใหม่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ได้สอบถามไปยังเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแล้ว ทราบว่านายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ทุกกระทรวงเสนอรายชื่อภายใน 2 สัปดาห์ ซึ่งวันนี้เป็นสัปดาห์แรก ยังเหลือสัปดาห์หน้าอีกหนึ่งสัปดาห์ คาดว่าสัปดาห์หน้าทุกอย่างจะเรียบร้อย ส่วนกระแสข่าวการย้ายอธิบดีของกระทรวงมหาดไทย ข้ามไปดำรงตำแหน่งต่างกระทรวง นั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่ทราบว่าสำนักพิมพ์ใดเป็นคนเขียนข่าว ก็คงต้องไปถามเพราะตนเองพิจารณาตำแหน่งที่ปรับย้ายในกระทรวงเท่านั้น
+++ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้จัดทำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐประจำปี 2560 จำนวน 14 ล้านใบ ใช้งบประมาณ 1,581 ล้านบาท จากยอดผู้ลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐ 14.12 ล้านคน ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ลงทะเบียน จะมีชิพฝัง 2 อัน ชิพแรก เป็นข้อมูลสำหรับค่าโดยสารสาธารณะและบริการอื่น ๆ ชิพอันที่ 2 เป็นข้อมูลประวัติประชาชน มีรูปถ่ายจากบัตรประชาชน เพื่อใช้สำหรับจ่ายเงินตามเครื่องรูดบัตร EDC และใช้งานทั้งระบบออนไลน์และออฟไลน์ และยังใช้ร่วมกับระบบตั๋วร่วมแมงมุมของกระทรวงคมนาคม สำหรับชำระค่าโดยสารรถเมล์ ขสมก. รถไฟ บขส. ทุกระบบขนส่ง และยังเติมเงินเพิ่มสำหรับใช้บริการประเภทอื่นได้ หรือเป็นกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์สำหรับการเติมเงินเพื่อใช้จ่ายด้านต่าง ๆ รวมถึงใช้บัตรสำหรับการรองรับการโอนเงินของภาครัฐให้กับประชาชน เช่น เบี้ยคนพิการ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และเงินสวัสดิการอื่น ๆ
+++ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบโครงการ 9101 ตามรอยเท้าพ่อภายใต้ร่มพระบารมี เพื่อการพัฒนาเกษตรอย่างยั่งยืน อนุมัติงบกลางประมาณ 22,895 ล้านบาท จัดสรรให้ชุมชนละ 2.5 ล้านบาท ทั้งหมด 9,101 ชุมชน ครอบคลุมเกษตรกร 4.5 ล้านราย เห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ปรับปรุงแผนจัดทำตลาดข้าวแบบครบวงจร เพื่อส่งเสริมการทำเกษตรแปลงใหญ่ การผลิตสินค้าเกษตรภายใต้ใบรับรองระบบเกษตรกรที่ดี GAP และการปลูกพืชอินทรีย์ ครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศ กำหนดให้ลงนามร่วมกับกลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ เพื่อรับซื้อข้าวจากชาวนา โดยขอกู้ดอกเบี้ยต่ำ รัฐบาลชดเชยร้อยละ 3 ธนาคารชดเชยร้อยละ 1 เอกชนเข้าร่วมโครงการรับซื้อในราคานำตลาดร้อยละ 4 และหากเป็นสินค้าเกษตรแบบออร์กานิกไทยแลนด์ รับซื้อนำตลาดร้อยละ 15 เพื่อจูงใจให้เกษตรกรเข้าร่วมโครงการมากขึ้น และกระทรวงพาณิชย์ยังเตรียมนำสินค้าออร์กานิกส่งออกไปยุโรป 2,000 ตันต่อปี ด้วยงบประมาณอุดหนุนโครงการทั้งหมด 2,873 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการในปี 60-64
+++ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปิดตลาดบ่าย ปรับลดลง 5.30 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,574.11 จุด มูลค่าการซื้อขาย 33,135.44 ล้านบาท
+++ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดลบในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายหลังจากที่เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธในช่วงเช้าวันนี้ โดยคาดว่าได้ยิงขีปนาวุธตกลงสู่เขตเศรษฐกิจพิเศษของญี่ปุ่นปิดลบ 23.45 จุด ที่ 20,032.35 จุด
+++ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดวันนี้ปรับตัวลดลง จากแรงเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและแรงกดดันจากการที่เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธในช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีฮั่งเส็งร่วงลง 395.16 จุด นี้ที่ 25,389.01 จุด
+++ปาลัช จันทรา โมดัค เจ้าหน้าที่ดับเพลิงบังกลาเทศว่าหม้อไอน้ำของโรงงานทอเสื้อผ้าของบริษัทมัลติแฟบส์ จำกัดในแถบชานกรุงธากา ระเบิดขึ้นเมื่อค่ำวานนี้ มีคนเสียชีวิต 10 ศพและบาดเจ็บหลายคน ในจำนวนนี้ 9 คนเสียชีวิตในจุดเกิดเหตุ อีกหนึ่งรายเสียชีวิตที่โรงพยาบาล สำหรับบริษัทฯดังกล่าวเป็นผู้จัดส่งเสื้อผ้าชนิดถักทอสำเร็จรูปไปให้กับลูกค้าในสวีเดน เดนมาร์ก เยอรมนี รัสเซีย สเปน เนเธอร์แลนด์และสหราชอาณาจักร รวมถึงลิตเติลวูดส์ หนึ่งในแบรนด์ค้าปลีกเก่าแก่ที่สุดรายหนึ่งของสหราชอาณาจักรที่ผ่านมาบริษัทดำเนินการธุรกิจมาอย่างดี ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง และหม้อไอน้ำที่ระเบิดขึ้นก็เพิ่งจะถูกติดตั้งได้ไม่นาน ด้านนายมาฮิอุดดิน ฟารุกี ประธานและกรรมการผู้จัดการบริษัทฯกล่าวว่าครั้งนี้นับเป็นอุบัติเหตุ แต่ระบบการทำงานส่วนอื่นๆของบริษัทฯไม่มีปัญหา สำหรับอุตสาหกรรมสิ่งทอของบังกลาเทศนับว่าใหญ่เป็นอันดับสองของโลก รองลงมาจากประเทศจีน ว่าจ้างคนงานราว 4 ล้านคนและสร้างรายได้จากการส่งออกได้มากถึงร้อยละ 80 ของยอดการส่งออกทั้งหมดของประเทศ