หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง การแต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจ ว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งคณะคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจ ซึ่งขณะนี้มีรายชื่อออกมาแล้วโดยแต่งตั้งให้พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ เป็นประธาน ซึ่งเป็นบุคคลที่เชื่อใจได้โดยนายกรัฐมนตรีก็เชื่อมั่นในวิจารณญาณการทำงาน พร้อมยืนยันว่าไม่ได้เป็นการประโยชน์ใคร และการทำงานทุกด้านก็ต้องเดินหน้าและแก้ปัญหาในทุกๆ ด้าน พร้อมกันนี้ ได้มีการมอบหมายแนวทางไปแล้วในเรื่องของการแก้ไขปัญหาต่างๆ ต้องใช้ระยะเวลา โดยเฉพาะการปฏิบัติงานในระดับพื้นที่ ต้องมีการหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัด ในการการแก้ไขปัญหา เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงกัน ในส่วนของประเด็นการโยกย้ายแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ส่วนต่างๆยังคงอยู่ในอำนาจของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ส่วนกรณีพ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานแรงงานต่างด้าว พ.ศ. 2560 นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า เพื่อแก้ปัญหาทุกปัญหาให้แล้วเสร็จ โดยเฉพาะการค้ามนุษย์ ซึ่งถือเป็นพันธะสัญญาระหว่างประเทศ เพราะหากแก้ไม่ได้และยังคงมีแรงงานเถื่อนในระบบ ในอนาคตจะส่งให้ต่างประเทศไม่ซื้อสินค้าของไทย ขณะเดียวกันก็ต้องแก้ปัญหาภายในประเทศด้วย สิ่งสำคัญจะต้องทำให้ไทยไม่เสียผลประโยชน์ด้านอื่นไปด้วย จึงจำเป็นต้องออกกฎหมายเพื่อบังคับใช้ ส่วนแรงงานที่จดทะเบียนแล้ว หากต้องการเปลี่ยนงานก็สามารถดำเนินการเปลี่ยนได้ ดังนั้นขอให้ทุกคนร่วมมือกัน
นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่าอย่าไปหลงเชื่อนักการเมือง หรือฝ่ายใดที่ออกมาบอกว่ารัฐบาลทำให้แรงงานเดือดร้อนหรือร้อนหรือเสียผลประโยชน์ พร้อมถามกลับไปว่าหากไม่ดำเนินการจะทำให้เสียผลประโยชน์มากกว่านี้หรือไม่ ยืนยันว่าต้องแก้ปัญหาโดยระมัดระวังและรับฟังจากต่างประเทศด้วย ไม่ใช่กำหนดแนวทางเองแล้วจะสามารถแก้ปัญหาได้ทั้งหมด
ส่วนเรื่องร้องเรียนจากผู้ว่าราชการจังหวัดเมียวดี เมียนมา ว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์จากปัญหาแรงงานต่างด้าว นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า หากพบว่ากระทำความผิดจริง ต้องมีการลงโทษ โดยได้สั่งเน้นย้ำไปแล้วกับหน่วยงานทีเกี่ยวข้องว่าห้ามแสวงหาผลประโยชน์ หากพบว่าใครทำผิดก็จะไม่ละเว้น แม้จะเป็นทหารหรือตำรวจก็ตาม หากพบเจอก็ต้องลงโทษสถานหนัก
ส่วนความชัดเจนในการเดินทางไปเยือนสหรัฐอเมริกา นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ขออย่าเร่งรัดเรื่องนี้มาก เนื่องจากต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง ซึ่งทางไทยก็มีการเตรียมความพร้อมไว้แล้ว แต่ต้องหารือกับรัฐมนตรีและปลัดกระทรวงการต่างประเทศกันก่อน