เงินเฟ้อลดต่ำสุดในรอบ14เดือน/ข้าวสต๊อกรัฐเหลือกมากกว่า7แสนตัน

04 กรกฎาคม 2560, 08:27น.


น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักนโยบาย และยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนมิถุนายน 2560 ลดลงร้อยละ 0.05 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และปรับ ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 14 เดือน เนื่องจากราคากลุ่มอาหารสดและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ลดลงร้อยละ 0.70 รวมทั้งราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ราคาต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่คาดว่าอัตราเงินเฟ้อในช่วงครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีขึ้น โดยแนวโน้มเงินเฟ้อในครึ่งปีหลัง คาดว่า จะทยอยปรับตัวสูงขึ้น โดยมองว่าเงินเฟ้อที่ระดับร้อยละ 1 ค่อนข้างอยู่ในระดับที่พอใจ และเชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังสอดคล้องกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐอย่างแน่นอน ส่วนปัญหาด้านแรงงานถือเป็นเรื่องที่ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด



ด้านธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เตรียมออกมาตรการควบคุมสินเชื่อบัตรเครดิต และสินเชื่อบุคคล เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน และแก้ปัญหาคนรุ่นใหม่ที่จบการศึกษาและเริ่มเข้าทำงานแต่มีการสร้างหนี้เกินตัว โดยเกณฑ์ใหม่เริ่มบังคับใช้เดือนสิงหาคมนี้ โดยจะปรับเปลี่ยนเพดานการปล่อยเงินกู้ จากเดิมที่กำหนดไว้ไม่เกิน 5 เท่าของรายได้ต่อเดือนจะปรับเปลี่ยนให้ธุรกิจบัตรเครดิตกำหนดให้มีผู้รายได้ต่อเดือน 15,000-30,000 บาท ได้รับวงเงินบัตรเครดิตสูงสุดไม่เกิน 1.5 เท่าของรายได้ แต่ถ้ามีรายได้เดือนละ 30,000-50,000 บาท วงเงินไม่เกิน 3 เท่าของรายได้ และรายได้ต่อเดือน 50,000 บาทขึ้นไป ยังเหมือนเดิมที่ 5 เท่าของรายได้ แต่ไม่ได้ควบคุมจำนวนสถาบันการเงินออกบัตรเครดิต



ในสัปดาห์นี้ กระทรวงพาณิชย์จะยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลปกครอง หลังศาลรับฟ้องทีพีเค เอทานอล โดยยืนยันการประมูลโปร่งใสตามขั้นตอน



สำหรับปริมาณข้าวในสต็อกรัฐบาลที่เหลืออยู่ในปัจจุบันมีอยู่กว่า 7 แสนตัน แบ่งเป็น  ข้าวเพื่อการบริโภค 16,000 ตันที่กรมเตรียมเปิดประมูล โดยจะมีการเปิดให้ผู้ที่สนใจสามารถตรวจสอบคุณสมบัติได้ในวันที่ 13 กรกฎาคมนี้ ก่อนที่จะให้ยื่นเสนอราคาประมูลในวันที่ 18 กรกฎาคมนี้, ข้าวเพื่ออุตสาหกรรมที่ไม่ใช่เพื่อการบริโภคของคนอีก 140,000 ตัน และ ข้าวเพื่ออุตสาหกรรมที่ไม่ใช่เพื่อการบริโภคของคนและสัตว์ประมาณ 500,000 ตัน



ส่วนข่าวอาชญากรรมจากกรณี น้องบีม หรือ ด.ญ.ภัทรดา แก้วผ่อง อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนศรีสังวาลย์ ซึ่งเป็นผู้พิการ และ น.ส.พรทิพย์ จันทรัตน์ อายุ 44 ปี ผู้เป็นแม่ถูกนายพิสิษฐ์ สัมมาเลิศ ทนายความอาสาฉ้อโกงเงินค่าสินไหมไปกว่า 5 ล้านบาท เมื่อวานนี้ นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม พร้อม ว่าที่ พ.ต.สมบัติ วงศ์กำแหง อุปนายกสภาทนายความฝ่ายบริหาร ในฐานะประธานฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมายเนติบัณฑิตยสภา นายเสาวภักดิ์ สกุลโรมวิลาส อุปนายกฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย สภาทนายความพา น.ส.พรทิพย์ กับน้องบีม เข้ายื่นคำร้องขอรับการช่วยเหลือจากฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย และแต่งตั้งทนายความดำเนินคดี ซึ่งนายธวัชชัย กล่าวว่า ทางกระทรวงยุติธรรมได้ส่งนิติกรและมองเงินช่วยเหลือแล้ว แต่ น.ส. พรทิพย์ เคยร้องขอทนายความ จากเนติบัณฑิตยสภามาก่อนแล้ว แต่ขาดช่วงการทำงานไป จึงมอบให้เนติบัณฑิตทำคดีต่อไป นอกจากนี้กระทรวงยุติธรรมจะมอบเงินค่าธรรมเนียมศาล 60,000 บาท นอกจากนี้ น.ส.พรทิพย์ได้แต่งตั้งทนายความ ของเนติบัณฑิตยสภาดำเนินคดีแพ่ง กับนายพิสิษฐ์ ฐานผิดสัญญารับสภาพหนี้ จำนวน 3 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย และเข้าติดตามคดีอาญาที่อัยการสั่งฟ้องข้อหาปลอมแปลงเอกสาร ที่รอความเห็นแย้งจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติเห็นแย้ง



ขณะเดียวกัน น.ส.นิษฐาณัฐ หรือนิด ภัทรธนินนิษฐ์ วัย 54 ปี เข้าร้องเรียนว่าถูก นายพิสิษฐ์ โกงเงินไปเป็นเงินเกือบ 1,4 00,000 บาทเช่นกัน โดยมีสัญญาเงินกู้



ที่ศาลทหารกรุงเทพ เมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่เรือนจำมณฑลทหารบกที่ 11 จ.นครปฐม นำตัวผู้ต้องหาคดีจำหน่ายวัตถุระเบิด และจัดซื้อวัตถุระเบิด มีอาวุธปืน และ วัตถุระเบิดที่นายทะเบียน ไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้โดยผิดกฎหมายจำนวน 6 คน ประกอบด้วย ร.ท.สันติ นามวิเศษ จ.ส.อ.ประดิพัทธ์ เสน่ห์ดี จ.ส.อ.ฉัตรชัย เอี่ยมสมบูรณ์ จ.ส.อ.ธนากรณ์ บุญกาญจน์ ส.อ.สุทธิโชค ไพเราะ และพลทหาร สกลนที พรหมทอง เดินทางมายังศาลทหารกรุงเทพ หลังจากครบระยะเวลาฝากขังในผัดที่ 2 และพนักงานสอบสวนยังคงขออำนาจศาลฝากขังในผัดที่ 3 ต่อ เนื่องจากยังสอบสวนพยานในคดีไม่แล้วเสร็จอีกจำนวนหลายปาก และการตรวจวัตถุพยานในพื้นที่ต่างๆยังไม่สมบรูณ์ พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง ในส่วนของญาติผู้ต้องหา 2 ใน 6 คน ได้มอบให้ทนายความทำเรื่องขอปล่อยตัวชั่วคราว โดยยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัว ร.ท.สันติ นามวิเศษ และ จ.ส.อ.ประดิพัทธ์ เสน่ห์ดี ในวงเงินคนละ 400,000 บาท เพื่อยื่นต่อคณะตุลาการศาลทหารกรุงเทพ ประกอบคำร้องขอฝากขังของทางพนักงานสอบสวน แต่คณะตุลาการศาลทหารกรุงเทพไม่อนุญาตให้ประกันผู้ต้องหาทั้ง 2 คน เจ้าหน้าที่เรือนจำจึงควบคุมผู้ต้องหาทั้ง 6 คน กลับไปควบคุมตัวต่อที่เรือนจำมณฑลทหารบกที่ 11 จ.นครปฐม



คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน ซึ่งเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจควบคุมตัว ส.อ.ธนากรณ์ บุญกาญจน์ เจ้าหน้าที่คลังอาวุธ สังกัดกองพันทหารช่างที่ 1 รักษาพระองค์ ( ช.พัน 1 รอ.) ผู้ต้องหารับสารภาพถึงที่มาของอาวุธสงครามทั้งหมดว่าลักลอบ นำมาจากหน่วยเพื่อนำออกมาจำหน่าย



….

ข่าวทั้งหมด

X