ความคืบหน้าการพิจารณาสั่งฟ้องนายพิสิษฐ์ สัมมาเลิศ ทนายความอาสา ที่ฉ้อโกงเงินช่วยเหลือจำนวน 5 ล้านบาท จากคู่กรณีของนางสาวพรทิพย์ จันทรัตน์ แม่ของเด็กหญิงภัทรดา แก้วผ่อง หรือบีม อายุ 14 ปีพลตำรวจตรีสหรัฐ ศักดิ์ศิลปชัย ผู้บังคับการกองคดีอาญาสำนักงานกฎหมายและคดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า หลังนางสาวพรทิพย์ ร้องทุกข์พนักงานสอบสวน สน. บางยี่ขัน ให้ดำเนินคดีนายพิสิษฐ์ ที่ฉ้อโกงเงินช่วยเหลือ จำนวน 5 ล้านบาท ต่อมามีการถอนแจ้งความ พนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น
ต่อมาอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญาธนบุรี มีความเห็นทางคดีและส่งเรื่องให้ พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีความเห็นว่า คดีนี้มีการร้องทุกข์โดยผู้เสียหายที่ สน. บางยี่ขัน ให้ดำเนินคดีกับทนาย และพวกในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตัวเป็นบุคคลอื่น แต่ต่อมาผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ พนักงานสอบสวนจึงมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ส่งสำนวนให้อัยการ อัยการได้พิจารณาและสั่งให้พนักงานสอบสวน สน.บางยี่ขันสอบสวนเพิ่มเติม พนักงานสอบสวนก็ดำเนินการตามนั้น ส่งให้อัยการพิจารณาอีกครั้ง อัยการมีความเห็นทางคดีโดยสั่งไม่ฟ้องเช่นกัน ในข้อกล่าวหา ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น แต่อัยการมีความเห็นเพิ่มเติมให้สั่งฟ้องผู้ต้องหาในข้อหาปลอมแปลงเอกสาร เเละใช้เอกสารปลอม ฉ้อโกง เเละยักยอกทรัพย์
ผู้บังคับการกองคดีอาญา กล่าวว่า เมื่ออัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องพ้องกับพนักงานสอบสวน ตามกฎหมายอัยการต้องส่งสำนวนที่สั่งไม่ฟ้องมาให้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน ตามกฎหมายพิจารณา โดยกองคดีอาญาเป็นผู้ประมวล มีความเห็นว่า ในข้อหาที่พนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้องนี้ เนื่องมาจากผู้เสียหาย เจ้าทุกข์ได้ถอนแจ้งความตามกฎหมายไปแล้ว กองคดีอาญาฯ จึงมีความเห็นพ้องกับอัยการ คือสั่งไม่ฟ้องในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น เช่นกัน แต่ในส่วนที่อัยการมีความเห็นสั่งฟ้องไปแล้ว ข้อหาปลอมแปลงเอกสาร เเละใช้เอกสารปลอม ฉ้อโกง เเละยักยอกทรัพย์ ก็ดำเนินไปเข้าสู่กระบวนการชั้นศาลต่อไป ตำรวจไม่ต้องพิจารณาแล้ว และในวันนี้จะประมวลสรุปความเห็นทางคดีและเสนอผู้บังคับบัญชา มีความเห็น และลงนามส่งเรื่องกลับไปยังอัยการในประเด็นที่สั่งไม่ฟ้องต่อไป
ผู้สื่อข่าว:สมจิตร์ พูลสุข