*แพทย์จุฬาฯ ระบุ โอกาส "อีโบล่า" แพร่เชื้อในไทยยาก/สุ่มตรวจค้างคาวพาหะโรคไม่พบเชื้อไวรัส*

การพบผู้ป่วยติดเชื้ออีโบลาในแถบแอฟริกาตะวันตก และมีการระบาดอย่างรุนแรง นำมาซึ่งความกังวลต่อประชาชนในประเทศไทย วันนี้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจึงจัดให้ความรู้ เรื่อง เชื้ออีโบลา...เมื่อมาถึงไทย..รับมืออย่างไร? โดยมีศาสตราจารย์ นายแพทย์ ภิรมย์ กมลรัตนกุล อธิการบดีจุฬาฯ พร้อมด้วย ศ.นพ.ยง ภู่วรรณ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาฯ ศ.นพ.ดร.นรินทร์ หิรัญสุทธิกุล ภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกัน คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาฯ และศ.น.สพ.ดร.รุ่งโรจน์ ธนาวงษ์นุเวช คณบดีคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ เข้าร่วมให้ความรู้

ศ.นพ.ยง  เปิดเผยว่า เชื้ออีโบลา เกิดจากเชื้อไวรัสในกลุ่มฟิโลไวรัส พบครั้งแรกที่แม่น้ำอีโบลา ประเทศคองโก และปัจจุบันพบในแถบแอฟริกา ประเทศ คองโก กินี เซียราลีโอน และลิเบอเรีย แพร่ระบาดครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2519 ซึ่งค้างคาวผลไม้เป็นพาหะนำเชื้อ เกิดจากการติดต่อโดยตรงระหว่างสัตว์กับสัตว์ และสัตว์กับคน เป็นการติดต่อผ่านการสัมผัส หรือ การกินสัตว์ที่มีพาหะของโรค หรือการติดต่อผ่านสารคัดหลั่ง เช่น น้ำตา น้ำลาย เลือด

แม้อัตราการตายของโรคนี้จะมีมากถึงร้อยละ60-90 ของผู้ป่วย แต่ด้วยความรุนแรงของโรคที่ออกอาการไวและหนัก จึงทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถเดินทางไปที่ไกลได้ๆ อีกทั้งผู้ป่วยทั้งหมดอยู่ในแถบแอฟริกา ซึ่งเป็นแถบที่ผู้คนยากจน ไม่มีระบบสาธารณสุขและการแพทย์ที่มีมาตรฐาน รวมทั้งไม่ได้รับความรู้ในการป้องกัน และชอบล่าสัตว์อยู่ประจำ จึงทำให้อัตราตายและเสี่ยงติดเชื้อมีสูงมากขึ้น

ส่วนระยะฟักตัวของเชื้ออยู่ที่ 8-10 วัน ถึงจะปรากฎอาการชัดเจน โดยจะมีอาการไข้สูง อาเจียน ท้องเสีย ระบบอวัยวะล้มเหลว และเชื้อซึมเข้ากระแสเลือดจนเสียชีวิตภายในเวลา 14 วัน นายแพทย์ ยง กล่าวว่า เชื้อนี้จะไม่ติดต่อผ่านระบบทางเดินหายใจ ส่วนบุคคลที่มีความเสี่ยงในการติดโรค ได้แก่ กลุ่มนักเดินป่า กลุ่มที่รับประทานอาหารพิศดาร และกลุ่มบุคคลด้านสาธารณสุขที่ทำงานใกล้โรค

ปัจจุบันยังไม่พบการแพร่ระบาดของโรคในประเทศนอกแถบแอฟริกา ส่วนประเทศไทย คงพบได้ยาก เนื่องจากการสำรวจกลุ่มค้างคาวแล้ว ไม่พบเชื้อไวรัสนี้ และการเดินทางมาจากต่างประเทศของผู้ที่ติดเชื้อคงทำได้ยาก เนื่องจากผู้ที่ติดเชื้อมักมีอาการที่รุนแรงอยู่แล้ว ในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนรักษาโรค ต้องรักษาตามอาการ นพ.ยง แนะนำว่า การป้องกันที่ดี คือ ไม่เดินทางไปในป่าที่เสื่ยงต่อการติดโรค ไม่รับประทานอาหารพิศดาร และหากสงสัยว่าตนเองจะติดเชื้อ ให้รีบมาพบแพทย์ทันที

 ธีรวัฒน์/ภาพ-ข่าว