+++หลังจากที่ พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 ที่ประกาศบังคับใช้เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 2560 ซึ่งได้เพิ่มโทษปรับนายจ้างที่ใช้แรงงานผิดกฎหมายไว้ตั้งแต่ 4-8 แสนบาท พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ให้ความเป็นห่วงมากและได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกคนปฎิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ห้ามไม่ให้ใช้ช่องว่างระหว่างที่บังคับใช้กฎหมายไปเรียบรับผลประโยชน์จากแรงงานต่างด้าว และผู้ประกอบการจะต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาดและต้องหามาตรการผ่อนคลาย
+++ในส่วนคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน3สถาบัน(กกร.) ยื่นหนังต่อนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) เพื่อนำเสนอปัญหาในภาคปฎิบัติหลังจากกกร.ได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบการภาคเอกชนทั่วประเทศถึงปัญหาในการปฎิบัติตามพ.ร.ก.ที่มีผลบังคับใช้ และมีบทลงโทษสูงเกินไป ส่งผลกระทบวงกว้างโดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) ภาคอุตสาหกรรมภาคธุรกิจ ท่องเที่ยว และภาคบริการที่จ้างแรงงานต่างด้าว
+++ด้านนายพรเพชร ระบุว่า พ.ร.ก. ดังกล่าวออกโดยฝ่ายบริหารต้องส่งมาให้สนช. รับรอง ถ้ามีมติเห็นชอบก็จะมีผลบังคับใช้เป็นพ.ร.บ. ซึ่งสนช.ได้รับร่างพ.ร.ก. แล้วจะบรรจุเสนอเข้าสู่ที่ประชุมสัปดาห์หน้า ก่อนที่ สนช.จะพิจารณาให้ความเห็นชอบหรือไม่จะต้องมีการศึกษา โดยหารือในวิปสนช.ว่าควรจะให้คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ที่เกี่ยวข้องคือ กมธ.การพาณิชย์ การอุตสาหกรรม และการแรงงาน ไปศึกษา ซึ่งอาจจะมีข้อสังเกตที่อาจจะนำไปสู่การปรับปรุงร่าง พ.ร.ก.ดังกล่าวเพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐบาล เท่าที่พิจารณาเบื้องต้นแล้วส่วนใหญ่น่าจะมีบทเฉพาะกาลเพื่อให้อยู่ในระยะการปรับตัว ถ้าหลังจากนั้นไม่ทำก็จะมีบทลงโทษรุนแรง
+++รายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ ประจำปี 2560 ที่สหรัฐอเมริกา คงอันดับไทยที่เทียร์ 2 วอตช์ลิสต์เป็นปีที่ 2 นายไมตรี อินทุสุต ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดเผยว่า ได้เรียกทีมงานที่เกี่ยวข้องใน พม.มาประชุมวิเคราะห์เนื้อหา จัดทำคำชี้แจง ข้อเสนอ และมาตรการ เพื่อเสนอต่อไปยังที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ซึ่งมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการค้ามนุษย์ พิจารณาก่อนเสนอต่อนายกรัฐมนตรีให้สั่งการโดยตรงไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
+++ส่วนการเตรียมพร้อมรับเจ้าหน้าที่สหภาพยุโรป(อียู) ติดตามและตรวจสอบการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายขาดการรายงานและไร้การควบคุมหรือไอยูยูของไทยทั้งระบบ ตั้งแต่วันที่ 1-16 ก.ค.พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง กระทรวงแรงงาน กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม และกรมประมง จัดเตรียมข้อมูลพร้อมรายงานทุกสถานการณ์ต่ออียูเรียบร้อยแล้ว ครั้งนี้อียูจะเพิ่มความเข้มข้นในการดำเนินการมากกว่าทุกครั้ง โดยเน้นตรวจสอบการขึ้นทะเบียนเรือ การควบคุมเรือประมง รวมทั้งเรือประเภทอื่นที่มีส่วนสนับสนุนเรือประมง เช่น เรือบรรทุกน้ำมันกลางมหาสมุทร เรือบรรทุกน้ำแข็ง ซึ่งปัจจุบันกระทรวงเกษตรฯได้ออกประกาศให้ติดเครื่องติดตามเรือ หรือวีเอ็มเอส แล้วและได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องเป็นเวอร์ชั่นที่ 3 เพื่อแก้ไขจุดบกพร่องจากเดิมที่อาจมีการติดบ้างดับบ้าง และต้องเปิดตลอดเวลา เพื่อให้สามารถติดตามเรือได้ตลอดระยะเวลาที่ออกทำประมง
+++โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา เมื่อวานนี้ นายกมล ตรรกบุตร นายกสภาวิศวกร พร้อมด้วยนายเจตกำจร พรหมโยธี นายกสภาสถาปนิก เปิดเผยผลการหารือการอบรมและทดสอบความรู้วิศวกรและสถาปนิกจีน ที่ประชุมหารือกันใน 3 ประเด็น ทั้งเรื่องแผนการอบรมและทดสอบวิศวกรและสถาปนิกจีน มีความคืบหน้าไปกว่าร้อยละ 90 สรุปว่าจะให้มีการอบรมและทำแบบทดสอบ หลังจากนั้นจะออกใบรับรองให้ โดยต้องผ่านเกณฑ์คะแนนร้อยละ 60 ซึ่งในแบบทดสอบจะวัดเรื่องกฎหมายและจรรยาบรรณ ความรู้ในทางเทคนิค สภาพภูมิอากาศ สภาพแวดล้อม สภาพภูมิศาสตร์ ความรู้ด้านธรณีวิทยาและสถาปัตยกรรม รวมถึงมาตรฐานความปลอดภัย โดยวิชาชีพวิศวกรจะต้องได้รับการอบรมรวม 18 ชั่วโมง หรือใช้เวลา 3 วัน และวิชาชีพสถาปนิกได้รับการอบรมรวมประมาณ 10 ชั่วโมง มีการบรรยายเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ และอนุญาตให้ล่ามแปลเป็นภาษาจีนได้ ส่วนเรื่องการถ่ายโอนเทคโนโลยี เห็นว่าควรจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการถ่ายโอนเทคโนโลยี เบื้องต้นทางจีนรับหลักการและหารือเรื่องบทบาทความร่วมมือระหว่างสภาวิศวกรและสถาปนิกไทย-จีน ในลักษณะการลงนามข้อตกลง (เอ็มโอยู) เพื่อสร้างความร่วมมือและความสัมพันธ์ในวิชาชีพระยะยาว และจะร่วมประชุมครั้งต่อไป 4-8 ก.ค.ที่กรุงปักกิ่ง
+++การดำเนินคดีเรื่องผู้เสียชีวิตตกบ่อบำบัดน้ำเสียภายในโรงงานบริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เจ้าหน้าที่ให้บริษัทดำเนินการส่งผังของโรงงานให้เจ้าหน้าที่ด้วย ขณะที่ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.) เข้าพบนายมงคล พฤกษ์วัฒนา อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เพื่อขอข้อมูลการตรวจสอบที่เกิดเหตุ และวางมาตรการดูแลป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำขึ้นอีกในโรงงานอุตสาหกรรม 800 แห่งทั่วประเทศ ส่วนเรื่องคดี ขณะนี้ดำเนินคดีกับ นายปรีชา ตามพร หัวหน้าส่วนดูแลบ่อบำบัดน้ำเสียของบริษัท ในข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายเพียง 1 คนเท่านั้น
+++กรอ. ให้ความเห็นกับตำรวจว่า ต้องสืบสวนตั้งแต่การขออนุญาตเข้ามาศึกษาดูงาน อำนาจของบุคคลที่อนุญาตให้มาดูงาน ผู้รับผิดชอบ รวมถึงผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลพื้นที่ว่า มีความพร้อมหรือเป็นผู้ได้รับการฝึกอบรมถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าโรงงานเพิ่งนำป้ายแจ้งเตือนมาติดในบริเวณดังกล่าวภายหลังเกิดเหตุ เรื่องนี้ตำรวจน่าจะมีข้อมูลอยู่แล้ว
+++การติดตามคดีการเสียชีวิตของน.ส.เอลิส ดัลเลอมาเน สาวชาวเบลเยียม วัย 30 ปี ที่เสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำบนเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อช่วงเดือนเม.ย.พ.ต.ท.โชคชัย สุทธิเมฆ สวญ.สภ.เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 เม.ย.เสียชีวิตจากการผูกคอตัวเองด้วยเชือกติดกับต้นไม้ พนักงานสอบสวนนำศพส่งไปตรวจที่นิติเวชโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี และสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งสถาบันนิติเวช ยืนยันตรงกันว่าเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจด้วยการผูกคอ หลังจากนั้นตำรวจประสานไปที่สถานทูตเบลเยียม รวมทั้งประสานไปยังมารดาผู้เสียชีวิต ก่อนจะทำพิธีฌาปนกิจศพที่กรุงเทพฯ โดยอยู่ในการดูแลของสถานทูตเบลเยียม และมารดาผู้เสียชีวิต ตำรวจได้เชิญพนักงานของบังกะโลที่ผู้เสียชีวิตพักมาให้ปากคำอีกครั้ง
+++มีรายงานว่า ไม่มีชื่อของผู้เสียชีวิตส่งมาชันสูตรที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ เจ้าหน้าที่ขอตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
+++พ.ต.ท.โชคชัย กล่าวว่า ก่อนวันพบศพตำรวจรับแจ้งว่ามีเหตุเพลิงไหม้บังกะโลที่ น.ส.เอลิส เช่าพักอาศัยอยู่ที่เกาะเต่า บริเวณอ่าวแม่หาด หมู่ 3 ต.เกาะเต่า โดยสภาพบังกะโลที่ น.ส.เอลิส เช่าพักเป็นบังกะโลไม้ไผ่ หลังคามุงจาก โดยช่วงเกิดเหตุมีนักท่องเที่ยวที่อาศัยอยู่ใกล้เคียงต่างวิ่งหนีกันออกมา โดยมีผู้พบเห็น น.ส.เอลิสวิ่งหนีออกมาด้วย หลังจากนั้นก็หายตัวไป กระทั่งมาพบเป็นศพบริเวณอ่าวโตนดซึ่งอยู่อีกฝั่งของเกาะ ตำรวจได้นำภาพประกาศหาว่าผู้เสียชีวิตเป็นใคร จนกระทั่งเจ้าของบังกะโลดังกล่าวยืนยันว่าผู้เสียชีวิตเป็นคนเดียวกับที่เข้าพักห้องที่เกิดเพลิงไหม้ ซึ่งเหตุเพลิงไหม้ตำรวจสันนิษฐานว่าอาจจะเกิดจากไฟจากเทียนหรือตะเกียงที่ผู้ตายใช้ในห้องพัก ทางเจ้าของบังกะโลที่พักก็ไม่ได้ติดใจเอาความ ตำรวจจึงไม่ได้ประสานให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานมาเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ
+++ด้าน พ.ต.อ.วิชอบ เกิดเกลี้ยง รองผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า สำหรับคดีดังกล่าว พนักงานสอบสวน สภ.เกาะพะงัน ได้ดำเนินการตามคดีชันสูตรพลิกศพ และอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งหลังปรากฏเป็นข่าวได้สั่งการไปยังพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ให้ตรวจสอบพยานหลักฐานเพิ่มเติม ทั้งในส่วนของพยานบุคคล หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ รวมถึงการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พร้อมทั้งสั่งการให้ พ.ต.ท. โชคชัย เร่งสรุปข้อเท็จจริงอีกครั้ง และให้รีบรายงานกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ภายใน 3 วันนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
+++การตรวจสอบเหตุชายขับรถหนีเจ้าหน้าที่ เมื่อช่วงสายเมื่อวานนี้ คนร้ายขับรถกระบะโตโยต้า ไมตี้เอ็กซ์ สีแดง สภาพเก่า ทะเบียน บน 3835 สระบุรี หลบหนีการตรวจค้นของตำรวจ บก.ทล.อยุธยา บนถนนสายกาญจนาภิเษกหมายเลข 9 บางนา-บางปะอิน หลัก กม.ที่7 ต.คลองสี่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ก่อนมุ่งหน้าไปตามถนนพหลโยธินขาเข้า และได้ขับพุ่งชนด่านตรวจค้นของ สภ.คลองหลวง ที่ตั้งอยู่บริเวณหน้าพิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติ ต.คลองหนึ่ง แล้วกลับรถบริเวณจุดกลับรถ กม.ที่44 ใช้ช่องทางคู่ขนานหลบหนี กระทั่งขับส่ายไปมาชนกับรถยนต์ของประชาชนที่ใช้เส้นทางได้รับความเสียหาย ก่อนจะมาประสบอุบัติเหตุชนเสาไฟฟ้าหักโค่นบริเวณหน้าบริษัท มินิแบ ประเทศไทย จำกัด ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา
+++ส่วนคนขับได้อาศัยจังหวะวิ่งหลบหนีไปป่ารกร้างข้างทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 50 นายได้กระจายกำลังปิดล้อม พร้อมประสานรถดับเพลิงของเทศบาลตำบลพระอินทร์ราชา เพื่อฉีดน้ำให้หญ้าราบ และทำการค้นหาตัวคนร้าย พร้อมกับใช้ไมโครโฟนพูดกล่อมให้คนร้ายยอมมอบตัว กระทั่งผ่านไปหลายชั่วโมง เจ้าหน้าที่ก็สามารถควบคุมตัว นายอนุสรณ์ แก้วเกิด อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5/42 ซอยดำรงลัทธพิพัฒน์ ซอย 5 แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กทม. ผู้ที่ก่อเหตุเอาไว้ได้ และจากการตรวจสอบประวัติพบว่า นายอนุสรณ์ มีหมายจับของศาลอาญากทม. หลบหนีไม่มาศาล ในข้อหามียาบ้าในครอบครอง ซึ่งคาดเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ต้องหานั้นหลบหนี อย่างไรก็ดี จะได้ส่งตัวให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
แฟ้มภาพ