สปท.ส่งมอบงานให้นายกฯ31ก.ค./อัยการสู้คดีให้กทพ.ชนะคดีกิจการร่วมค้าบีบีซีดี/ต่างชาติยังเชื่อมั่นลงทุนในไทย

29 มิถุนายน 2560, 19:46น.


+++นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญกิจการสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(วิป สปท.) แถลงผลการประชุมว่า สปท.จะจัดงานการส่งมอบงานของสปท.ให้กับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ในวันที่ 31 ก.ค. เวลา 10.00 น.ที่ห้องประชุมรัฐสภา โดยได้รับการติดต่อประสานงานจากเลขาธิการนายกรัฐนตรีว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะเดินทางมาพบสมาชิกสปท.เพื่อขอบคุณที่ทุกคนได้ร่วมกันทำงานอย่างแข็งขันตลอดระยะเวลา 1 ปี 9 เดือน โดยนายกรัฐมนตรี จะรับมอบงานและรับฟังรายงานสรุปผลการดำเนินงานของสปท.จากประธานสปท.และกล่าวปาฐกถาต่อสมาชิกสปท. และในวันดังกล่าวจะเชิญหัวหน้าส่วนราชการที่ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงหรือผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่าประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)และรองประธาน สนช. มาร่วมงานด้วย



+++การเดินทางตรวจเยี่ยมกระทรวงแรงงานของพล.อ.ประยุทธ์  นายวรานนท์ ปีติวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า นายกฯ ได้ให้นโยบายถึงข้อกังวลของหลายฝ่าย หลังประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 ซึ่งเพิ่มโทษปรับนายจ้าง ใช้แรงงานผิดกฎหมายไว้ตั้งแต่ 400,000-800,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน 2560 ว่า นายกฯได้แสดงความเป็นห่วงและได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกคนปฏิบัติตามกฏหมายอย่างเคร่งครัด และห้ามไม่ให้ใช้ช่องว่างระหว่างที่บังคับใช้กฎหมายในช่วงต้นไปเรียกรับผลประโยชน์จากแรงงานต่างด้าวและผู้ประกอบการ หากพบว่าเจ้าหน้าที่เรียกรับผลประโยชน์ จะถูกดำเนินการอย่างเด็ดขาด รวมทั้งต้องหามาตรการผ่อนคลายเพื่อไม่ให้ส่งผลต่อการประกอบธุรกิจ ยอมรับว่า ในช่วง 1-2 เดือนที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตามกฎหมายใหม่ อาจทำให้เกิดการขาดแคลนแรงงานประเภทงานก่อสร้าง งานรับใช้ในบ้าน และเอสเอ็มอี ดังนั้นระหว่างนี้จะยังไม่มีการเข้าไปตรวจจับ โดยผ่อนผันให้ผู้ประกอบการและแรงงานต่างด้าวไปดำเนินการตามกฎหมายให้ถูกต้อง โดยการส่งตัวแรงงานกลับไปทำพาสปอร์ต วีซ่า และขึ้นทะเบียนในระบบให้ถูกต้อง หรือดำเนินการผ่านโบรกเกอร์ ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 20,000 บาทต่อคน เพราะล่าสุดกระทรวงแรงงานได้ทำเอ็มโอยูกับลาว กัมพูชา และพม่า เพื่อแก้ปัญหาแรงงานผิดกฎหมาย ซึ่งจะใช้เวลาดำเนินการไม่เกิน 1-2 เดือน แรงงานที่ถูกกฎหมายก็จะกลับเข้ามาทำงานตามปกติ แต่ระหว่างนี้ นายจ้างสามารถจ้างคนไทยที่มาขึ้นทะเบียนขอทำงานเดือนละ 6,000-7,000 คน



+++อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า โทษของกฎหมายใหม่ที่มีการเพิ่มค่าปรับเป็น 400,000-800,000 บาทไม่ได้สูงเกินไป เพราะเป็นมาตรฐานที่ใกล้เคียงกับการกำหนดโทษของการใช้แรงงานเด็กและประมง ขณะเดียวกัน หากเจ้าหน้าที่จะเข้าไปจับกุม ต้องมีเจ้าหน้าที่ของกระทรวงแรงงานร่วมดำเนินการด้วย ซึ่งตำรวจ ทหาร ไม่มีสิทธิเปรียบเทียบปรับ ณ จุดเกิดเหตุได้ โดยเมื่อมีการจับกุม หากผู้กระทำความผิดรับสารภาพ ก็จะนำไปสู่การเสียค่าปรับตามกฎหมาย ให้เป็นอำนาจของนายทะเบียน ซึ่งคือผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งปรับได้ แต่หากทำผิดแต่ไม่ยอมรับสารภาพ ต้องเข้าสู่กระบวนการสืบสวนสอบสวนของตำรวจ จากนั้นจะนำคดีส่งอัยการ การเปรียบเทียบปรับเป็นดุลยพินิจของศาล



+++กรณีกิจการร่วมค้าบีบีซีดี คู่สัญญาสัมปทานก่อสร้างทางด่วน ยื่นฟ้องการทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.) เนื่องจากการก่อสร้างโครงการทางด่วนสายบางนา-บางพลี–บางปะกง เมื่อปี 2538 เรือโทสมนึก เสียงก้อง โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยถึงกรณี พนักงานอัยการสำนักงานคดีแพ่ง แก้ต่างสู้คดีให้กทพ.จนชนะคดีในชั้นศาลฎีกาทำให้รัฐไม่ต้องจ่ายเงินจำนวน 9,683 ล้านบาทเศษ  



+++เมื่อวันที่ 11 ก.พ.2551 กิจการร่วมค้าบีบีซีดี ก็ได้ยื่นฟ้อง กทพ. เป็นคดีใหม่ต่อศาลแพ่ง ในมูลคดีลาภมิควรได้ทุนทรัพย์ 9,683,686,389.76 บาท โดยศาลแพ่งที่เป็นศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 15 ก.ย.2554 ให้ กทพ.แพ้คดี ให้ชำระเงินจำนวน 5,000 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 15 ก.พ.2550 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ



+++พนักงานอัยการสำนักงานคดีแพ่ง ก็ได้ยื่นอุทธรณ์ให้กับ กทพ. คัดค้านคำพิพากษาศาลแพ่ง ต่อมาเมื่อวันที่ 27 ธ.ค.2556 ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษากลับยกฟ้อง กิจการร่วมค้าบีบีซีดี โจทก์ ได้ยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จนเมื่อวันที่ 22 มิ.ย. มีการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาที่ยืนตามศาลอุทธรณ์โดยให้ยกฟ้องคดี



+++น.ส.บงกช อนุโรจน์ ที่ปรึกษาด้านการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยถึง ผลการสำรวจความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติในประเทศไทย ประจำปี 2560 จาก 600 บริษัทที่ตอบแบบสอบถามว่า นักลงทุนต่างชาติยังมีความเชื่อมั่นประเทศไทย โดยนักลงทุนต่างชาติร้อยละ 35.7 มีแผนขยายลงทุนในไทย มีสัดส่วนสูงกว่าปี 2559 อยู่ที่ร้อยละ 32.5 และนักลงทุนอีก ร้อยละ 62.5 จะลงทุนในไทยตามแผนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนนักลงทุนที่มีแผนปรับการลงทุนตามสภาวะธุรกิจ มีสัดส่วนร้อยละ 1.5



+++สำหรับปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักลงทุนวางแผนขยายการลงทุน รวมทั้งเดินหน้าลงทุนในไทยตามแผนเดิม คือ มีผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย (ซัพพลายเออร์) ที่เพียงพอร้อยละ 50.9 ตามด้วยมีโครงสร้างพื้นฐานที่เพียงพอร้อยละ 50.6 และมีสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่จูงใจให้เกิดการลงทุนในประเทศไทยร้อยละ 49.2



+++การลงทุนในตลาดหุ้นไทย ปิดที่ 1,578.12 จุด ลดลง 4.51 จุด มูลค่าการซื้อขาย 51,287.84 ล้านบาท



+++การลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีนิเคอิ ตลาดหุ้นโตเกียวญี่ปุ่น ปิดบวก 89.89 จุด ปิดที่ 20,220.30 จุด

+++ดัชนีฮั่งเส่ง ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 281.92 จุด ปิดที่ 25,965.42 จุด นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1 (ประมาณการครั้งสุดท้าย) และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์



+++รอยเตอร์ รายงานอ้างพลเรือเอกแฮร์รี แฮร์ริส ผู้บัญชาการกองเรือสหรัฐฯประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งแถลงพิธีเปิดการซ้อมรบบนเรือยูเอสเอส บอนฮอมม์ ริชาร์ด บริเวณน่านน้ำออสเตรเลียในวันนี้ว่า ออสเตรเลียและสหรัฐฯเริ่มต้นการซ้อมรบร่วม 1 เดือนนับจากวันนี้ จะเป็นการซ้อมรบทางทหารครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา แสดงแสนยานุภาพทางทะเลเพื่อส่งสัญญาณถึงทั้งฝ่ายพันธมิตร และฝ่ายคู่ปรปักษ์รวมถึงประเทศจีน ในปีนี้มีทหารเรือสหรัฐฯและออสเตรเลียรวม 33,000 นายเข้าร่วมการซ้อมรบทางเรือ และมีการติดตั้งอาวุธยุทโธปกรณ์ที่สามารถจะโจมตีเครื่องบินรบของฝ่ายข้าศึก จะปิดฉากการซ้อมรบด้วยการยกพลขึ้นบกและซ้อมรบทางอากาศ



+++การซ้อมรบในครั้งนี้จัดขึ้นหลังเกิดความตึงเครียดในแถบทะเลจีนใต้มาอย่างต่อเนื่อง เป็นผลจากการที่ประเทศจีนเริ่มเข้าทำประโยชน์ในอาณาเขตพิพาทในทะเลจีนใต้ ทำให้หลายฝ่ายหวั่นวิตกว่าปัญหาพิพาทนี้อาจจะบานปลายจนถึงขั้นเผชิญหน้ากันทางทหารระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง น่าสังเกตว่าสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับประเทศจีนไม่ราบรื่นนักในช่วง 2-3 เดือนเนื่องจากสหรัฐฯต้องการจะเข้ามาถ่วงดุลประเทศจีนมากขึ้น หลังรัฐบาลจีนเข้าไปทำการก่อสร้างเกาะเทียม ลานบิน ท่าเรือและติดตั้งอุปกรณ์โทรคมนาคมในพื้นที่พิพาทในทะเลจีนใต้ในช่วง 2-3 ปี



+++ประเทศจีน อ้างกรรมสิทธิ์เหนือพื้นที่ส่วนใหญ่ในทะเลจีนใต้ เส้นทางเดินเรือสินค้ามูลค่า 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อปี ขณะเดียวกันเพื่อนบ้านเช่นบรูไน มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนามและไต้หวัน อ้างกรรมสิทธิ์ทับซ้อนกับประเทศจีนเช่นกัน



+++รอยเตอร์ รายงานอ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว สหรัฐฯว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯและประธานาธิบดีมุน แจอินของเกาหลีใต้ จะแสดงจุดยืนร่วมกันในประเด็นเรื่องการแก้ไขปัญหาเกาหลีเหนือระหว่างการประชุมสุดยอดที่ทำเนียบขาว 2 วันเริ่มจากค่ำวันนี้ แต่ปัญหาพิพาทเรื่องการค้าอาจจะกระทบต่อความพยายามของผู้นำทั้งสองที่จะกระชับสัมพันธ์สหรัฐฯ-เกาหลีใต้ให้แน่นแฟ้นมากขึ้น



+++นายมุน อยู่ระหว่างการเยือนสหรัฐฯเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง จะพบปะกับนายทรัมป์ พร้อมภริยาคือนางเมลาเนีย ในงานเลี้ยงอาหารเย็นในทำเนียบขาวในค่ำคืนวันนี้ ก่อนการประชุมในวันพรุ่งนี้ คาดว่า ประเด็นเรื่องโครงการอาวุธนิวเคลียร์เกาหลีเหนือจะเป็นหัวข้อสำคัญที่จะมีการหารือกันในที่ประชุม ส่วนประเด็นอื่นๆรวมถึงบทบาทของประเทศจีนในภูมิภาคนี้และระบบต้านขีปนาวุธพิกัดสูงหรือทาดของกองทัพสหรัฐฯที่ถูกติดตั้งอยู่ในเกาหลีใต้ เพื่อป้องกันขีปนาวุธจากเกาหลีเหนือ ขณะเดียวกันประเด็นปัญหาด้านการค้าอาจจะกระทบการสร้างสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสอง



+++สหรัฐฯขาดดุลการค้าให้กับเกาหลีใต้เพิ่มกว่าสองเท่าคือจาก 13,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปี 2554 เป็น 27,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯเมื่อปีที่แล้ว ตอนแรกสหรัฐฯคาดว่าจะช่วยเพิ่มการส่งออกของสหรัฐฯราว 10,000 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อปี แต่ปรากฏว่าตัวเลขส่งออกสินค้าของสหรัฐฯมายังเกาหลีใต้ลดต่ำกว่า 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯเมื่อปีที่แล้วหรือลดมากกว่าเมื่อปี 2554



แฟ้มภาพ 



 



 

ข่าวทั้งหมด

X