องค์กรการกุศล ซามาริแทน'ส เพิร์ส ซึ่งมีสำนักงานอยู่ในรัฐนอร์ธ แคโรไลน่า ของสหรัฐ แถลงว่า ดร.เคนท์ แบรนท์ลีย์ แพทย์ชาวอเมริกัน ที่ติดเชื้อไวรัสมรณะอีโบล่าในไลบีเรีย ขณะเข้าไปช่วยรับมือกับการระบาดอย่างเหนือความคาดหมายของโรค มีอาการค่อย ๆ แย่ลง ก่อนหน้านี้ ดร.แบรนท์ลีย์และแนนซี ไรท์โบล มิชชันนารีชาวอเมริกัน ที่ติดเชื้อไวรัสอีโบล่าเช่นกัน ต่างอาการทรงตัวแต่อยู่ในขั้นร้ายแรง และเตรียมอพยพบุคลากรที่ไม่มีภารกิจที่จำเป็นออกจากไลบีเรีย ภายในสุดสัปดาห์นี้ เนื่องจากสถานการณ์เลวร้ายลง แต่คนที่จะได้รับการอพยพไม่มีคนที่เจ็บป่วยแต่อย่างใด
ส่วนเซรุ่มทดลอง ได้ไปถึงไลบีเรียแล้วเมื่อวานนี้ แต่มีเพียงพอสำหรับผู้ป่วยเพียงคนเดียว และดร.แบรนท์ลีย์ ได้ขอให้นำไปช่วยมิชชันนารีไรท์โบลก่อน ส่วนตัวเขาได้รับการถ่ายเลือดที่ได้รับบริจาคโดยเด็กชายวัย 14 ปี ที่รอดชีวิตจากอีโบล่า ซึ่งเด็กและครอบครัวต้องการช่วยเหลือ ดร.แบรนท์ลีย์ที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ ด้วยความหวังว่าอาจจะช่วยชีวิตเขาได้ ขณะที่แพทย์ ก็ไม่สามารถบอกได้เช่นกันว่า เหตุใดผู้ติดเชื้อบางคนถึงรอดและบางคนไม่รอด
ซามาริแทน'ส เพิร์ส บอกด้วยว่า ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเซรุ่ม โดยเฉพาะในประเด็นที่ว่า เหตุใดจึงมีเพียงหลอดเดียวเท่านั้น
ผู้เชี่ยวชาญอีโบล่าของ CDC ย้ำว่า ไม่จำเป็นต้องวิตกว่า ไวรัสมรณะชนิดนี้ จะระบาดไปยังทวีปอื่น โดยเฉพาะในสหรัฐ
มีรายงานว่า การแพร่ระบาดเริ่มชะลอตัวลงแล้วในกินี แต่กลับเพิ่มขึ้นในเซียร่า เลโอน และไลบีเรีย ทำให้กลุ่มบรรเทาทุกข์บางกลุ่มต้องถอนตัวออกไปเพื่อความปลอดภัย โดยเฉพาะซามาริทัน'ส เพิร์ส และกลุ่มมิชชันนารี เซิร์ฟวิ่ง อิน มิชชั่น หรือ SIM ได้แจ้งให้บุคคลากรที่ไม่มีภารกิจจำเป็นออกจากไลบีเรียแล้ว ประธานาธิบดีเออร์เนสต์ โคโรม่า ของเซียร่า เลโอน และประธานาธิบดีเอลเลน จอห์นสัน เซอร์ลีฟ ไลบีเรีย ได้ยกเลิกแผนการเดินทางไปสหรัฐ เพื่อทุ่มเทเวลาให้กับการรับมือกับการระบาดของอีโบล่าอย่างเต็มที่ เจ้าหน้าที่การแพทย์นานาชาติ ระบุว่า ขัดขวางการต่อสู้กับไวรัสมรณะ ที่รวมถึงการที่ชาวบ้านไม่เข้าใจและโทษว่า เจ้าหน้าที่นานาชาติเป็นคนนำโรคร้ายไปให้พวกเขา และพากันปิดเมืองไม่ให้แพทย์เข้าถึงผู้ป่วย ซึ่งประธานาธิบดีโคโรม่า บอกว่า จะส่งกำลังตำรวจและทหารไปช่วยเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ให้ทำงานสะดวกขึ้น