ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30 น.
+++หลังไทยได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในกลุ่มที่ 2 บัญชีรายชื่อประเทศที่ต้องจับตามอง (เทียร์ ทู วอทช์ลิสต์) เป็นปีที่ 2 นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ สั่งการให้สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.)ในสหรัฐฯ และทูตพาณิชย์ทั่วโลก ติดตามสถานการณ์การนำเข้าสินค้าไทย หลังจากสหรัฐฯคงเทียร์ 2 ประเทศไทย และชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้นำเข้าสินค้าจากไทยอย่างต่อเนื่อง ถึงความตั้งใจและจริงจังต่อการดูแลปัญหาการค้ามนุษย์ รวมถึงทำความเข้าใจกับประเทศนำเข้าอื่นๆด้วย กระทรวงพาณิชย์ ยังเดินหน้าผลักดันการส่งออก และยืนยันเป้าหมายการส่งออกทั้งปี 2560 ไว้ที่โตร้อยละ 5 ปัจจัยสนับสนุนคือแนวโน้มการค้าโลกเริ่มฟื้นตัว โดยเฉพาะตลาดจีน กลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี( กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม) และสหรัฐฯ รวมทั้ง การสร้างความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ กับญี่ปุ่น รัสเซีย อาเซียน และคาซัคสถาน การสร้างความเข้มแข็งให้เอสเอ็มอี พร้อมก้าวสู่ตลาดโลกผ่านสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่(เอ็นอีเอ)
+++สภาพอากาศเพื่อเกษตรกรรม ในช่วงนี้ นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร พบว่าพื้นที่การเกษตรส่วนใหญ่กำลังเริ่มต้นฤดูกาลเพาะปลูก ซึ่งเป็นพื้นที่ปลูกข้าว ข้าวโพดและลำไย บริเวณอำเภอดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่ ส่วนพื้นที่บริเวณอำเภอเวียงชัย อำเภอเวียงป่าเป้า อำเภอแม่สรวย อำเภอเชียงของและอำเภอพญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เตรียมปลูกข้าวและบางส่วนเป็นสวนลำไย ซึ่งอาสาสมัครฝนหลวงในพื้นที่เกษตรกรยังคงมีความต้องการน้ำเพื่อเตรียมการปลูกข้าวนาปี ข้าวโพดในระยะเติบโต และลำไยในระยะที่มีผลผลิตกำลังเจริญเติบโตก่อนการเก็บเกี่ยวช่วงเดือนส.ค. จึงมอบหมายให้ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและอาสาสมัครฝนหลวงในพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ เพื่อสนับสนุนปฏิบัติการฝนหลวงในพื้นที่การเกษตรได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ เน้นเติมน้ำให้กับเขื่อนที่มีความต้องการน้ำ และสนับสนุนพื้นที่ทางการเกษตรทั่วประเทศที่ต้องการใช้น้ำช่วงฤดูกาลผลิตปีนี้
+++โครงการพาคนกลับบ้าน พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า เป็นโครงการที่ดี ไม่อยากให้ใช้คำที่ผิดเพี้ยน เช่น โครงการพาโจรกลับบ้าน เพราะโครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้โอกาสคนที่หลงผิดได้กลับตัวกลับใจ และคนที่สามารถเข้าโครงการได้จะต้องไม่ทำผิดคดีอาญา หลังจากนี้การคัดกรองคนเข้าโครงการและการฝึกอบรมต่าง ๆ จะต้องมีความเข้มงวดมากยิ่งขึ้น และยังไม่กำหนดกรอบเวลาว่าโครงการพาคนกลับบ้านจะยุติเมื่อใด ส่วนการจับกุมฮะยีสะมะแอ ท่าน้ำ อดีตแกนนำขบวนการพูโลถูกตำรวจมาเลเซียควบคุมตัวจากร้านอาหารในรัฐเปรัค ทางตอนเหนือของมาเลเซีย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ทางการมาเลเซียตั้งข้อหานายหะยีสะมะแอว่าครอบครองอาวุธสงคราม ซึ่งทราบว่าอาวุธมีจำนวนไม่มาก และยังไม่ได้รับการปล่อยตัวตามที่มีกระแสข่าวก่อนหน้านี้ ด้านการพูดคุยเพื่อสันติสุขอยู่ระหว่างดำเนินการโดยจะขอให้ทางการมาเลเซียในฐานะผู้อำนวยความสะดวก ประสานกับกลุ่มผู้เห็นต่างให้ตรงตัว และตรงกับวัตถุประสงค์การพูดคุยมากที่สุด ขณะนี้อยู่ระหว่างเดินหน้ากำหนดพื้นที่ปลอดภัย โดยตั้งคณะทำงานเฉพาะพื้นที่ หรือ JAC ที่จะให้คนในพื้นที่มีส่วนร่วมด้วย พร้อมทั้งเร่งซ่อมแซมกล้อง CCTV ในพื้นที่ชายแดนใต้เสียหายและใช้การไม่ได้จำนวนมาก
+++กองปราบปรามประสานหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ จ.ชลบุรี. จับกุม จ่าโท สหัสภัทรพล ด้วงสวัสดิ์ อายุ 35 ปีทหารสังกัดหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ จ.ชลบุรี ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมืองหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ได้ภายในหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ในคดีที่มีคนร้าย 4 คนใช้อาวุธปืนยิงนายอนันต์ คลังจันทร์ อดีตรองนายก อบจ.นครศรีธรรมราช เสียชีวิตบนถนนสายบ้านทวดทอง หมู่ 3 ต.ชะอวด อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ชะอวด ได้สืบสวนสอบสวนจนกระทั่งสามารถออกหมายจับคนร้ายได้ทั้ง 4 ราย ประกอบด้วย ร.ต.ศรายุทธ ศูนย์ราษฏร์ อายุ 24 ปี ครูอัตราจ้างของโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.พัทลุง ทำหน้าที่ขับรถให้มือปืน, นายศักดิ์ณรงค์ หรือเล็ก ทองร่วง อายุ 33 ปี, นายชัยอนันต์ หรือเอ็ม ทองร่วง น้องชายของนายศักดิ์ณรงค์ ทั้งคู่เป็นชาวจ.นครศรีธรรมราช ทำหน้าที่ชี้เป้าและดูต้นทาง ส่วนจ่าโท สหัสภัทรพล ด้วงสวัสดิ์ ทำหน้าที่เป็นมือปืน เบื้องต้นสอบสวนผู้ต้องหารายนี้ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาโดยอ้างว่าไม่รู้เรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวผู้ต้องหาให้พนักงานสอบสวน สภ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ซึ่งยังคงเหลือคนร้ายอีก 3 คนที่ยังหลบหนีอยู่ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่กองปราบปรามกำลังเร่งติดตามตัวคนร้ายที่เหลือมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด ส่วนประเด็นในการสังหารครั้งคาดว่ามาจากปมปัญหาขัดแย้งส่วนตัว
+++ตำรวจ ปคม.ได้นำตัว น.ส.ฑิภาพร มณีน้อย อายุ 37 ปี หรือแม่เล้าปู อยู่ ผู้ต้องหาคดีร่วมกันค้ามนุษย์โดยแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณี โดยเป็นธุระจัดหาใช้กำลังบังคับข่มขู่หลอกลวง ซึ่งกระทำแก่บุคคลอายุเกิน 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี, เป็นธุระจัดหาพาไปซึ่งเด็กเพื่อให้ค้าประเวณี, เพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหาหญิงโดยใช้กลอุบายหลอกลวง โดยใช้กำลังขู่เข็ญ,ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราโดยขู่เข็ญใช้กำลังประทุษร้ายอันเป็นการโทรมหญิง ชักจูงส่งเสริมยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร, กระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบจากเด็ก,พรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี ไปจากบิดามารดาโดยไม่เต็มใจ รวม 6 ข้อหา มาฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วันตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย. - 9 ก.ค. 2560 พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูงหากผู้ต้องหาได้รับการประกันเกรงว่าจะไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐานหรืออาจจะก่อเหตุร้ายประการอื่น ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ฝากขังตามคำร้อง
+++ตามจับปอบ นายจักรี ทองเจริญ นอภ.ปทุมราชวงศา กล่าวว่า หนังสือที่กำลังแพร่สะพัดในโลกโซเชียลเป็นของจริง เพียงแต่ว่าลงปี พ.ศ.ผิด พร้อมเปิดเผยว่า หลังทราบว่าชาวบ้านทำพิธีขับไล่ผีปอบ ได้มอบหมายให้ปลัดอาวุโส ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง และได้รับรายงานมีการทำพิธีไล่ผีปอบจริง จากนั้นทำหนังสือถึงปศุสัตว์อำเภอ สาธารณสุขอำเภอ ให้มาตรวจหาสาเหตุการตายของสัตว์เลี้ยงชาวบ้าน และทำหนังสือถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขอความร่วมมือในการสอดส่องดูแลประชาชน ส่วนกรณีที่มีข่าวออกไปว่า สั่งการให้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อมาจับผีปอบนั้น ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ในหนังสือบอกเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่า เป็นการขอกำลังเพื่อป้องกันรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ ตลอดจนเพื่อเป็นการบำรุงขวัญประชาชนไม่ให้ตื่นตระหนกกับเรื่องที่เกิดขึ้น
+++นายบุญมาก ศรีราฤทธิ์ ผู้ใหญ่บ้านภูดานกอย เจ้าของพื้นที่เกิดข่าวลือเรื่องผีปอบ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นความเชื่อของชาวบ้านที่มีมาแต่โบราณ เสียงส่วนใหญ่เชื่อว่าเกิดจากการกระทำของผีปอบ และพากันประกอบพิธีทางพราหมณ์และพุทธเพื่อขับไล่ผีปอบ ก่อนที่จะทำพิธีได้ขอร้องกับชาวบ้านว่า ไม่ให้ทำพิธีที่จะไปกระทบกับจิตใจของบุคคลดังกล่าว หรือลูกหลานแต่อย่างใด ไม่ให้ชี้ว่าบ้านหลังไหนเป็นหรือไม่เป็นปอบ ให้ถือว่ามีความชั่วร้ายเข้ามาในหมู่บ้านก็พอ โดยได้เชิญพระอาจารย์มาทำพิธี หลังทำพิธีขับไล่ผีปอบ เรื่องผีปอบได้เงียบหายไป รวมทั้งสุนัขที่เคยเห่าหอนช่วงกลางดึกก็หมดไป ชาวบ้านรู้สึกสบายใจขึ้น ด้านนายสิริรัฐ ชุมอุปการ ผวจ.อำนาจเจริญ หลังได้รับรายงาน ฝากเตือนให้ประชาชนรับข้อมูลข่าวสารอย่างมีสติ เพราะเรื่องดังกล่าวเป็นความเชื่อส่วนบุคคล อีกทั้งอย่าวิตกกังวล เพราะทางจังหวัดได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว คาดว่าจะทราบผลในเร็วๆนี้
++++น.ส.พรทิพย์ จันทรัตน์ อายุ 44 ปี พักอยู่เลขที่ 3/39 หมู่ 7 ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี แม่ที่ พา ด.ญ.ภัทรดา หรือน้องบีม แก้วผ่อง อายุ 14 ปี บุตรสาวที่พิการเดินไม่ได้ต้องนั่งรถวีลแชร์ตระเวนขายของ เล่าถึงชีวิตรันทดว่า เมื่อวันที่ 10 ก.พ.48 ตนกับสามีคือ นายอรุณรัตน์ แก้วผ่อง พร้อมน้องบีมนั่งรถกระบะของเพื่อนสามี ไปประสบอุบัติเหตุชนกับรถพ่วงที่ อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี สามีเสียชีวิตคาที่ ตัวเองบาดเจ็บสาหัส ส่วนน้องบีมกระดูกทับไขสันหลัง กลายเป็นคนพิการเดินไม่ได้จนถึงทุกวันนี้ ต้องนั่งอยู่แต่บนรถวีลแชร์ จากนั้นครอบครัวได้รับความช่วยเหลือจากทนายความคนหนึ่ง รับอาสาว่าความให้จนกระทั่งต่อมาปี 57 ทนายความคนดังกล่าวแจ้งว่า ศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีคำพิพากษาให้คู่กรณีจ่ายเงินให้ครอบครัวตน 1 ล้านบาท โดยจะจ่ายให้เป็นงวด ๆ งวดละ 40,000 บาท จากนั้นได้นำหนังสือมอบอำนาจมาให้ตนเซ็น อ้างว่าตนไม่สะดวกเดินทาง จึงเซ็นให้ไป และได้รับเงินเดือน ๆ ละ 40,000 บาท เป็นเวลา 7 เดือน ก่อนจะหยุดให้ในเวลาต่อมา เมื่อตนทวงถามก็ถูกบ่ายเบี่ยง และอ้างว่าทางคู่กรณียังไม่ได้จ่ายมา จากนั้นได้ติดต่อบริษัทเพื่อสอบถามถึงสาเหตุ แต่แล้วก็ต้องแทบช็อก เมื่อทราบว่าทางบริษัทรถพ่วง 18 ล้อ จ่ายเงินค่าเสียหายให้กับครอบครัวตนมา 5 ล้านบาทแล้ว โดยมีทนายความอาสาคนดังกล่าว เป็นผู้รับมอบอำนาจจากตน ซึ่งเขาก็ยอมรับและบอกว่าจะหาเงินมาใช้ พร้อมนำดอกไม้ธูปเทียนมาขอขมา จากนั้นก็เปลี่ยนมือถือและติดต่อไม่ได้อีกเลย "ถ้าทนายคนดังกล่าวยังมีชีวิตอยู่ และรู้ว่าฉันกับลูกสาวลำบากขนาดไหน ขอให้เขาคืนเงิน เพราะน้องบีมไม่น่าที่จะต้องมามีชีวิตที่ลำบากขนาดนี้ หากเขาไม่โกงเงินไป