*ทันสถานการณ์โลก 06.30 น.
+++นายบัน คี มุน เลขาธิการสหประชาชาติและนายจอห์น แคร์รี่ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ เปิดเผยว่า อิสราเอลและกลุ่มฮามาส บรรลุข้อตกลงหยุดยิงเป็นเวลา 72 ชั่วโมง หรือ 3 วัน เริ่มตั้งแต่วันนี้เวลา 8.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นตรงกับเวลา 12.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอลแถลงว่า อิสราเอลจะเดินหน้าทำลายเครือข่ายอุโมงค์ของกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา“ไม่ว่าจะหยุดยิงหรือไม่ก็ตาม”ขณะที่กองทัพอิสราเอลได้เรียกกำลังทหารกองหนุนอีก16,000 นายเข้าเสริมทัพเพื่อโจมตีกาซาต่อไป
++++หลายประเทศรวมถึงสหรัฐ,ฝรั่งเศส,เยอรมนี จีน และแคนาดา ได้ปิดสถานทูตและอพยพพลเมืองของตนออกจากลิเบียแล้ว หลังสถานการณ์ด้านความมั่นคงของลิเบียแย่ลงโดยต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อวานนี้กลุ่มติดอาวุธสามารถยึดฐานทัพหลักของกองกำลังพิเศษหน่วยหนึ่งทางตอนใต้ของเมืองเบงกาซี ต่อไป ก่อนหน้านี้ เกิดเหตุปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างกลุ่มติดอาวุธสายอิสลาม กับ กลุ่มติดอาวุธที่สนับสนุนรัฐบาลที่บริเวณรอบๆสนามบินนานาชาติในกรุงทริโปลี มีคนเสียชีวิตอย่างน้อย 97 คนและบาดเจ็บอีกกว่า 400 คน ส่งผลให้การจราจรทางอากาศส่วนใหญ่ในลิเบียไม่สามารถใช้การได้ตามปกติ
+++แก๊สรั่วทำให้เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง หลายระลอกในเมืองเกาสง ทางใต้ของไต้หวันช่วงกลางดึกวันพฤหัสบดีบ้านเรือนหลายหลัง รถยนต์จำนวนมากและท้องถนนเสียหายยับ นายเฉิน ชู นายกเทศมนตรีเกาสงกล่าวว่า เหตุครั้งนี้ ทำให้ชาวบ้านเสียชีวิต 25 ศพและบาดเจ็บ 233 คนสำนักงานดับเพลิงแห่งชาติบอกว่าในจำนวนผู้เสียชีวิตนั้นมีเจ้าหน้าที่หน่วยดับเพลิงรวมอยู่ด้วย 4 ราย
+++เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากชาวบ้านในเขตเชียนเจิ้น ว่าสงสัยอาจมีแก๊สรั่วในช่วงค่ำวันพฤหัสบดี(31) ทำให้เชื่อว่ามันคงเป็นต้นตอของเหตุระเบิดครั้งนี้ "หน่วยดับเพลิงท้องถิ่นได้รับแจ้งเกี่ยวกับเหตุแก๊สรั่วในช่วงค่ำวันพฤหัสบดี จากนั้นก็เกิดระเบิดหลายระลอกในช่วงเที่ยงคืน ส่งผลกระทบกับพื้นที่กินบริเวณรัศมี 2 ถึง 2 กิโลเมตร" หน่วยดับเพลิงระบุในถ้อยแถลง สื่อมวลชนท้องถิ่นรายงานว่าห้องฉุกเฉินตามโรงพยาบาลต่างๆในเมืองเกาสง แออัดไปด้วยผู้ได้รับบาดเจ็บ และมีคำเตือนว่ายอดผู้เสียชีวิตอาจสูงขึ้นกว่านี้ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ก็เรียกร้องให้ประชาชนอยู่ห่างจากพื้นที่ผลกระทบ ส่วนโรงเรียนต่างๆก็ถูกใช้เป็นศูนย์อพยพของชาวบ้าน
+++ภาพข่าวของรอยเตอร์เผยแพร่ให้เห็นว่าแรงระเบิดก่อให้เกิดลูกไฟขนาดใหญ่ รถยนต์พลิกคว่ำและเสียหาย เช่นเดียวกับศพและผู้ได้รับบาดเจ็บ กระจัดกระจายตามซากหักพัง รัฐบาลเมืองเกาสงได้จัดตั้งศูนย์ฉุกเฉิน และมีแผนส่งทหารเข้าร่วมในปฏิบัติการกู้ภัยด้วยเหตุระเบิดครั้งนี้เกิดขึ้นเพียง 1 สัปดาห์ หลังจากเครื่องบินของสายการบินทรานส์เอเชีย แอร์เวย์ส ประสบอุบัติเหตุในไต้หวัน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 48 ราย+++นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัคของมาเลเซียเรียกร้องเมื่อวันพฤหัสบดีให้กองทัพรัฐบาลยูเครนและกองกำลังกบฏแบ่งแยกดินแดนนิยมรัสเซีย“หยุดการสู้รบกันทันที”ในบริเวณรอบ ๆ จุดเครื่องบินโดยสารเอ็มเอช17ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส ตกใกล้พรมแดนรัสเซียในภาคตะวันออกของยูเครนโดยผู้นำมาเลเซียกล่าวหลังจากเจรจากับนายกรัฐมนตรีมาร์ค รูทท์ ของเนเธอร์แลนด์ในกรุงเฮกประเทศเนเธอร์แลนด์ กล่าวว่า มาเลเซียและเนเธอร์แลนด์มีจุดประสงค์หลักร่วมกันอยู่3 อย่างคือนำศพและสิ่งของมีค่าของเหยื่อกลับบ้าน,ตรวจสอบสาเหตุของโศกนาฏกรรมครั้งนี้และการให้คำยืนยันว่าผู้กระทำความผิดต้องถูกนำตัวมาลงโทษในกระบวนการยุติธรรม
+++ด้านเจ้าหน้าที่สอบสวนก็ได้รับอนุญาตเมื่อบ่ายวันพฤหัสบดีจากกลุ่มกบฏที่มีปืนไรเฟิลเป็นอาวุธให้เดินทางผ่านจุดตรวจที่จะมุ่งหน้าสู่จุดเครื่องบินตกที่หมู่บ้านรอสซีฟเน ได้แต่กลุ่มกบฏกลับยิงปืนเตือนเพื่อห้ามนักข่าวเดินทางเข้าไปพร้อมกับขบวนรถของคณะเจ้าหน้าที่สอบสวนโดยสมาชิกกบฏคนหนึ่งซึ่งเรียกตัวเองว่า เซอร์เกกล่าวว่า ยังมีการยิงต่อสู้กันในหมู่บ้านรอซซีฟเนเนื่องจากกองทัพยูเครนยังคงโจมตีเพื่อหวังยึดพื้นที่คืนจากกลุ่มกบฏ เจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชซึ่งประกอบด้วยเจ้าหน้าที่จากเนเธอร์แลนด์และออสเตรเลียเบื้องต้นคาดว่าจะพุ่งเป้าไปที่ความพยายามในการเก็บกู้ศพที่ยังหลงเหลืออยู่ในพื้นที่และรวบรวมสิ่งของมีค่าของเหยื่อโดยจูลี บิชอป รัฐมนตรีต่างปรเทศออสเตรเลียให้สัมภาษณ์บรรษัทกระจายเสียงของออสเตรเลียหรือเอบีซี จากยูเครนว่ายังมีศพอีกกว่า 80ศพเหลืออยู่ในพื้นที่เครื่องบินตก
+++ประธานาธิบดีเออร์เนสต์ บาอิ โคโรมา แห่งเซียร์รา ลีโอน ประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขในประเทศเซียร์รา ลีโอนแล้ว เมื่อ 31ก.ค.เพื่อพยายามจะควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสมรณะรัฐบาลแห่งประเทศไลบีเรียประกาศปิดโรงเรียนทุกแห่งทั่วประเทศ และออกมาตรการอีกหลายอย่าง เพื่อรับมือการระบาดครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของเชื้อไวรัสมรณะ 'อีโบลา' ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตในแอฟริกาตะวันตกแล้วถึง 672 ราย ตามรายงานขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) การแพร่ระบาดอย่างรุนแรงที่สุดของเชื้อไวรัสอีโบลาทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว729ศพทั่วแอฟริกาตะวันตกเมื่อวันพฤหัสบดี องค์การอนามัยโลกได้เพิ่มตัวเลขผู้เสียชีวิตรายใหม่อีก57 ศพ อยู่ในไลบีเรีย27 ราย,ในกินี 20 ราย,ในเซียร์รา ลีโอน 9ราย และไนจีเรีย 1ราย รวมเป็นทั้งสิ้น 729ศพเมื่อวันพฤหัสบดีพร้อมประกาศด้วยว่ามีผู้ป่วยรายใหม่ที่ตรวจพบระหว่างวันพฤหัสบดีถึงวันอาทิตย์สัปดาห์ที่แล้ว อีก 122ราย
+++ตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(31) ดิ่งลงราวร้อยละ 3 จากแรงเทขายทั้งกระดานตามปัจจัยลบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของยูโรโซน อาร์เจนตินาผิดนัดชำระหนี้และรายงานผลประกอบการอันน่าผิดหวังของเหล่าบริษัทอเมริกา ดาวโจนส์ ลดลง 316.99 จุด (1.88 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 16,563.37 จุด ราคาน้ำมัน ปิดลดลง สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูด ของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 2.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 98.77 ดอลลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 49 เซนต์ ปิดที่ 106.02 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
+++ราคาทองคำวานนี้(31) แตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์ หลังจากยอดผู้เข้ารับสิทธิประโยชน์คนว่างงานสหรัฐฯ บ่งชี้ว่าตัวเลขการจ้างงานในเดือนกรกฎาคม น่าจะออกมาแข็งแกร่ง ส่งผลให้อุปสงค์สินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำลดน้อยลงไป โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 14.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,282.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์
++++นายจูเม ทาฮีร์ วัย 74 ปี อิหม่ามประจำสุเหร่าอิด คาห์ ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศจีน ในเมืองกัชการ์ในมณฑลซินเจียง เสียชีวิตจากเหตุการณ์ที่ดูเหมือนจะเป็นการลอบสังหาร มีรายงานว่า เขาถูกคนร้ายใช้อาวุธกระหน่ำแทงเสียชีวิต หลังการนำประกอบพิธีละหมาดในช่วงเช้าวานนี้ อย่างไรก็ตามสาเหตุการตายของเขายังอยู่ระหว่างการสอบสวน การเสียชีวิตของเขามีขึ้น 2 วันหลังมีรายงานว่ามีคนเสียชีวิตหรือบาดเจ็บหลายสิบคนหลังเกิดเหตุปะทะกับตำรวจในเทศมณฑลยาร์คานท์ ในมณฑลเดียวกัน สำหรับนายทาฮีร์ เป็นชนเผ่ามุสลิมอุยกูร์ ประชากรส่วนใหญ่ของมณฑลซินเจียง เป็นบุคคลที่ให้การสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลจีนเรื่องการปราบปรามกลุ่มหัวรุนแรงอย่างเปิดเผย
+++เกิดอุบัติเหตุน่าสลด กับยีราฟ ในแอฟริกาใต้...ต้องมาตายอนาถ เพราะหัวของมันเกิดไปฟาดอย่างจัง กับสะพานข้ามมอเตอร์เวย์ ในนครโจฮันเนสเบิร์ก แอฟริกาใต้ ขณะยืนอยู่บนหลังรถบรรทุกพ่วง ขณะเกิดเหตุ มียีราฟ 2 ตัวอยู่ในคอนเทนเนอร์บนหลังรถบรรทุกพ่วง และมียีราฟตัวหนึ่ง ที่หัวของมันไปฟาดกับสะพานข้ามมอเตอร์เวย์อย่างแรง ชาวเน็ตแห่ทวีตข้อความแสดงความเสียใจต่อการตายของยีราฟ ผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ สาเหตุที่ทำให้ต้องมีการนำยีราฟ 2 ตัวมาขึ้นรถบรรทุกเช่นนี้ เพื่อไปรักษาอาการป่วย และกำลังจะถูกส่งไปให้สัตวแพทย์รักษา ผู้จัดการของสมาคมป้องกันการทำทารุณกรรมต่อสัตว์แห่งชาติแอฟริกาใต้ ยังเกิดความสงสัยเกี่ยวกับการตายของยีราฟตัวนี้ และจะดำเนินการพิสูจน์ศพของยีราฟเพื่อหาความจริงว่ามันตายเพราะอะไรต่อไป