การยื่นหนังสือเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหาราคายางพารา นายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นตัวแทนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยมีนายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนรับหนังสือ โดยขอให้รัฐบาลบริหารตลาดยางพาราโดยให้ประกาศว่าจะไม่ขายยาพาราในสต็อก และจะนำมาใช้ในประเทศไทยเท่านั้น ให้รัฐบาลเร่งรัดให้หน่วยงานของรัฐ นำยางพาราไปแปรรูปเพื่อนำไปใช้ในประเทศ เช่น ทำถนน เนื่องจาก รัฐบาลได้ประกาศให้เป็นนโยบายแต่ไม่มีหน่วยงานใดหรือจังหวัดใดนำไปปฎิบัติยกเว้นองค์การบริหารส่วนตำบล( อบต.) สงขลา และอบต. ตรัง จึงอยากให้รัฐบาลนำเอาเกณฑ์การใช้ยางพาราไปประเมินการปฏิบัติงานของผู้ว่าราชการจังหวัดที่มีการปลูกยางพารา และให้เป็นเกณฑ์การประเมินผลงานของผู้บริหารที่สามารถใช้ยางพาราได้ เช่น กรมทางหลวง กรมชลประทาน กรมทางหลวงชนบท และให้นำตัวเลขการใช้ยางพาราในหน่วยงานมารายงานต่อรัฐบาลทุก 4เดือน เรียกร้องให้การยางแห่งประเทศไทย หรือ ก.ย.ท. จัดตั้งบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชน จำกัด เพื่อประกอบธุรกิจเกี่ยวกับยางพาราเพื่อป้องกันไม่ให้มีการตั้งราคาซื้อขายโดยแสวงหาผลกำไรเกินควรจากผู้ซื้อ พร้อมทั้งขอให้ประสานความร่วมมือกับกลุ่มประเทศที่ผลิตยางกลางคือ ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย เพื่อกำหนดแผนการผลิตและการจำหน่ายร่วมกันอย่างชัดเจน
นอกจากนี้ กลุ่มพรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้แก้ไขแนวทางราคาปาล์มน้ำมัน โดยให้รัฐบาลลดการนำเข้า และให้นำไปเป็นส่วนประกอบผลิตน้ำมันไบโอดีเซลเพิ่ม ขณะที่นายออมสิน กล่าวว่า กลุ่มดังกล่าวต้องการให้รัฐบาลนำยางพาราไปใช้ทำถนนให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อทำให้ราคายางเพิ่มมากขึ้น ส่วนปาล์มน้ำมัน ที่มีอยู่ในสต๊อค 4-5 แสนตัน อยากให้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) นำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิต โดยจะส่งเรื่องดังกล่าวให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป
นายออมสิน กล่าวถึง กรณีที่วัดพนัญเชิง อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ตั้งโต๊ะแถลงต่อสื่อมวลชน หลังวัดแห่งนี้ตกอยู่ในสถานะวัดที่มีขบวนการทุจริตเรียกรับเงินอุดหนุน หรือ เงินทอน มากที่สุด 13 ล้านบาท จาก 12 วัด ที่ตกเป็นคดีความแต่ถูกนางประนอม คงพิกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา ในสมัยปี 2557-2558 ทำเรื่องเสนองบประมาณบูรณปฏิสังขรณ์สิ่งปลูกสร้างครั้งละ 10 ล้านบาท จำนวน 2 ครั้ง ก่อนจะทำการทุจริตรับผลประโยชน์ให้ทอนเงินไปยังบุคคลอื่น และจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่มีการทุจริตเงินอุดหนุนงบประมาณบูรณะ และปฏิสังขรณ์วัด กว่า 60 ล้านบาทหรือไม่ และจะมีการตรวจสอบนางประนอมหรือไม่ ว่า ส่วนตัวเพิ่งได้ทราบข่าวจากสื่อ ที่วัดได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวเมื่อวานนี้
ส่วนกรณีของนายนพรัตน์ ได้เกษียณไปแล้ว ดังนั้นการดำเนินคดีเป็นเรื่องของกฎหมายบ้านเมือง ไม่ใช่การเอาผิดด้านวินัย เพราะการเอาผิดดังกล่าวสามารถทำได้เฉพาะข้าราชการที่อยู่ในตำแหน่งเท่านั้น และเรื่องการเอาผิดทางวินัยต้องถาม คนที่อยู่เท่านั้นจึงจะดำเนินการในเรื่องของวินัยต้องสอบถามพันตำรวจโทพงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ว่าจะมีการดำเนินการอย่างไร ส่วนจะสั่งการไปหรือไม่ว่าจะให้นางประนอมถูกพักราชการไปก่อน เป็นเรื่องระเบียบของทางราชการเป็นเรื่องของการปกครอง คือผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มีอำนาจเต็มที่ก็ต้องดำเนินการไปตามนั้น
ผู้สื่อข่าว:ปิยะธิดา เพชรดี