บูรณราชรถในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพคืบหน้าต่อเนื่อง/ไทยตำหนิสหรัฐจัดอันดับค้ามนุษย์ไม่เป็นธรรม/วัดพนัญเชิงเผยจ่ายเงินทอนวัดให้พศ.13ล้านบาท

28 มิถุนายน 2560, 07:15น.


ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30 น.



+++การบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถ ราชยาน และเครื่องประกอบในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ช่างสิบหมู่ต้องดำเนินการทำผ้าม่านพระมหาพิชัยราชรถใหม่จำนวน 4ผืน เพื่อให้สมพระเกียรติที่สุด โดยขณะนี้คืบหน้ากว่าร้อยละ60 แต่ละผืนซึ่งมีความยาว 3 เมตรอยู่ในขั้นตอนการปัก โดยใช้ไหมโลหะปักล้อไปตามลวดลายอย่างประณีตและงดงาม เมื่อปักผ้าเสร็จ ช่างจะดำเนินการดาดผ้า แต่งขอบและดาดหลัง คาดว่าจะเสร็จต้นเดือน ส.ค. จากนั้นจะประกอบเข้ากับมุมเสาด้านในบุษบกพระมหาพิชัยราชรถ พร้อมทั้งสายรัดม่าน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการฝึกซ้อมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ นอกจากการจัดสร้างผ้าม่านราชรถแล้ว ทางกลุ่มงานยังได้รับมอบหมายให้จัดสร้างฉัตรผ้าทองย่น2ขนาด คือ ฉัตร5ชั้น และฉัตร7ชั้น รวมทั้งสิ้น48ต้น เพื่อประดับรายรอบพระเมรุมาศ ขณะนี้กลุ่มจิตรกรรม สำนักช่างสิบหมู่ กำลังดำเนินการออกแบบลวดลาย หากได้รับแบบแล้วจะเริ่มกระบวนการทำงานทันที เป็นงานฝีมือผ้าทองย่นตอกฉลุลาย ผนึกกาวและเย็บเข้าวง โดยจะเชิญจิตอาสามาช่วยปฏิบัติงานอีกครั้งเพื่อให้ทันตามกำหนดเวลา



+++หลังสหรัฐจัดอันดับค้ามนุษย์ของไทย หรือ ทริปรีพอร์ต ไว้ระดับเทียร์ 2 ตามเดิมนั้น นางสาวบุษฎี สันติพิทักษ์ อธิบดีกรมสารนิเทศ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่า ไม่สะท้อนและไม่สอดคล้องต่อความพยายามอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรมในการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ที่ไทยได้สร้างขึ้นมาในปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงกฎหมาย และกฎระเบียน การดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด และเจ้าหน้าที่ทุจริต การป้องกันผู้ที่อาจจะตกเป็นเหยื่อน การคุ้มครองเหยื่อและพยาน



+++ทุจริตเงินทอนวัด ล่าสุด ฝ่ายกฎหมายวัดพนัญเชิงวรวิหาร อยุธยา แถลงยอมรับโดนเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ พศ. หลอกเรื่องเงินอุดหนุน แล้วให้โอนกลับ อ้างเอาไปช่วยวัดอื่นที่ยังลำบาก รวมเป็นเงิน 13 ล้านบาท ชี้ทำให้วัดเสียหาย ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษแล้ว   ส่วนความคืบหน้ากรณีกองบังคับการตำรวจปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) นำกำลังเข้าตรวจค้นพร้อมกัน 10 จุดในหลายจังหวัดทั่วประเทศ ตามยุทธการปราบโกงวัดเพื่อจับกุมผู้เกี่ยวข้องเครือข่ายทุจริตเงินอุดหนุนงบประมาณบูรณะและปฏิสังขรณ์วัดของ พศ. หลังตรวจพบว่ามีวัดที่ร่วมทุจริต 12 แห่ง สร้างความเสียหายแก่รัฐสูงถึง 60.5 ล้านบาท นั้น  ก่อนหน้านี้ ปปป.ได้สืบสวน และสรุปคดีแรกที่ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ พศ. ในคดีเงินทอนวัด และส่งสำนวนไปให้ ป.ป.ช.ไต่สวนแล้ว  ขณะนี้ ปปป.ตรวจสอบวัดทั้งหมดทั่วประเทศขณะนี้ 60-70 วัด ส่วนจะมีกี่วัด และกี่คนที่พบข้อมูลการทุจริต ยังตอบไม่ได้อยู่ในขั้นตอนการสืบสวนอยู่ แต่เจ้าหน้าที่ดำเนินการตรวจสอบวัดทั้งประเทศแน่นอน หลังจากนั้นจะส่งให้ ปปช.ดำเนินการชี้มูลความผิด ส่วนกรณีที่ ปปช.ดำเนินการตรวจสอบวัดทางภาคใต้ และวัดที่ จ.ชุมพรไปแล้ว ทาง ปปป.จะไม่ก้าวล่วง เนื่องจากทาง ป.ป.ช.ดำเนินการไปแล้ว หลังจากนี้จะดำเนินสืบสวนขยายผลต่อไป



+++ลักลอบนำเข้ารถหรู นายกรีชา เกิดศรีพันธุ์ รองโฆษกกรมศุลกากร กล่าวว่า กรมศุลกากร ได้เร่งปรับปรุงหลักเกณฑ์การคำนวณราคารถยนต์นำเข้า  หลังจากที่มีรถยนต์หรูลักลอบการนำเข้า รวมถึง รถยนต์หรูนำเข้าโดยการสำแดงราคาต่ำกว่าความเป็นจริงเป็นจำนวนมาก โดยเกณฑ์ที่ปรับปรุงนี้ จะต้องได้รับการยอมรับจากผู้ที่อยู่ในธุรกิจรถยนต์ และ ไม่ขัดต่อหลักเกณฑ์ของแกตต์ คาดว่า เกณฑ์ที่ปรับปรุงใหม่นี้ จะแล้วเสร็จภายในเร็วๆนี้   ด้านนายเสรี ไทยจงรักษ์ รองอธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า กรมศุลกากรจะจัดขายทอดตลาดรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของกลางโดยวิธีประมูลด้วยวาจาในวันที่ 29 มิ.ย.นี้ โดยมีรถยนต์หรูหลายยี่ห้อ รวมทั้ง รถยุโรปและรถญี่ปุ่นยี่ห้อต่างๆ รวม 315 คัน แบ่งเป็น รถยนต์ 274 คัน และ จักรยานยนต์บิ๊กไบค์ 41 คัน คาดว่า จะนำรายได้เข้ารัฐไม่ต่ำกว่า 550 ล้านบาท      นายสมศักดิ์ ศรีรัตนประภาศ นายกสมาคมผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ใหม่ กล่าวว่า การที่อัตราภาษีสูงกว่าความสามารถของผู้ประกอบการที่จะเสียภาษีได้ ส่งผลให้แนวโน้มการนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศลดลง ตามที่เห็นในตารางสถิตินำเข้ารถสำเร็จรูปของผู้นำเข้าอิสระ ในช่วงปีงบประมาณ 2555-2557 โดยในปีงบประมาณ 2555 รัฐจัดเก็บภาษีนำเข้าได้รวม 2.07 หมื่นล้านบาท แต่ในปีงบประมาณ 2557 จัดเก็บได้เพียง 9,730 ล้านบาท



+++พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผย ถึงความคืบหน้าการสอบสวนคดีการนำเข้ารถยนต์ซูเปอร์คาร์หลบเลี่ยงภาษีว่ าภายหลังกรมศุลกากรประเมินอัตราภาษีซึ่งผู้ประกอบการนำเข้ารถยนต์ชำระไม่ครบถ้วน เนื่องจากการสำแดงใบอินวอยซ์เท็จ เพื่อให้ราคาต่ำกว่าความเป็นจริง ดีเอสไอได้ออกหมายเรียกนิติบุคคลและบุคคลซึ่งเกี่ยวข้องกับกระบวนการนำเข้า สำแดงราคาเพื่อผ่านพิธีการศุลกากรรวม 15 ราย เข้ารับทราบข้อกล่าวหาในคดีอาญาโดยจะทยอยแจ้งข้อกล่าวหาภายในสัปดาห์หน้า โดยในชั้นนี้ผู้ต้องหาสามารถนำพยานหลักฐานเข้าชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อพนักงานสอบสวนได้ กลุ่มนิติบุคคลและบุคคลที่ถูกออกหมายเรียกให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาล็อตแรก 15 ราย เป็นผู้ประกอบการกลุ่มบริษัท นิชคาร์ กรุ๊ป และผู้นำเข้ากลุ่มของนายอินทระศักดิ์ เตชธีรสิริ  หรือบอย ยูนิตี้ เจ้าของบริษัท เอสทีที ออโต้คาร์  จำกัด โดยพนักงานสอบสวนมีกำหนดให้ทยอยเข้ารับทราบข้อกล่าวหาตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค.



+++ส่วนที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี นายอินทระศักดิ์ พร้อมนายธีรสิทธิ์ สุริยันชัยเจริญ ทนายความ เดินทางไปฟังผลการยื่นฟ้อง ดีเอสไอ,พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ กับพวกซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนรวม 11 คน 2 สำนวน และรวม 14 คน 2 สำนวน เป็นในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา157, แจ้งความเท็จต่อศาล ม.137และร่วมกันตั้งแต่2คนขึ้นไปบุกรุกในเวลากลางคืน ม.362หลังจากยื่นฟ้องคดีไปเมื่อวันที่ 14 มิ.ย.60  โดยศาลยังไม่มีคำสั่ง โดยศาลขอให้ส่งเอกสารที่จะใช้ในการไต่สวนเพิ่มเติมให้มากกว่านี้ เป็นเอกสารเกี่ยวกับรถยนต์และเอกสารเกี่ยวกับบริษัทพร้อมกับนัดส่งเอกสารเพิ่มเติมให้ครบถ้วนในวันที่ 11 ก.ค. โดยวันที่ 18 ก.ค.นี้จะมาฟังคำสั่งศาลอีกครั้ง



+++นัดสุดท้ายแล้ววันนี้ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะไต่สวนคดีการซื้อขายข้าวระบบ จีทูจีนัดรองสุดท้าย ที่มี นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ และนายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ ตกเป็นจำเลย



+++ขณะที่ นางอภิรดี ตันตรา ภรณ์ รมว.พาณิชย์ จะเรียกพาณิชย์จังหวัดที่ประจำอยู่ในจังหวัดต่างๆ ให้เข้ามาประชุมเพื่อรับทราบนโยบายและมาตรการในการบริหารจัดการ สินค้าเกษตร ตลอดทั้งการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้กับเกษตรกร ส่วนการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)วานนี้(27 มิ.ย.)อนุมัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2560 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายส่งเสริม และสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจภายในประเทศครั้งที่ 2 จำนวน 28 โครงการ จาก 18 หน่วยงาน เป็นวงเงินทั้งสิ้น 3,828.17 ล้านบาท จาก วงเงินคงเหลือในงบประมาณส่วน ดังกล่าว 11,769 ล้านบาท    สำหรับโครงการซึ่งผ่านความเห็นชอบจาก ครม.ที่น่าสนใจ ได้แก่ สำนักงาน คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้รับงบประมาณ 68 ล้านบาท ในการจัดทำการวิเคราะห์ เชิงลึกเพื่อจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ วงเงิน 30 ล้านบาท และโครงการศึกษาจัดทำ แผนแม่บทเชิงยุทธศาสตร์การพัฒนา รายภาคระยะ 20 ปี วงเงิน 38 ล้านบาท ขณะที่สำนักงานเพื่อการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกได้รับงบประมาณ 100 ล้านบาทในการศึกษาและจัดทำมาตรการสำคัญภาครัฐเพื่อพัฒนาบุคลากร รองรับโครงการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี)  กองทัพเรือได้รับงบประมาณ 49 ล้านบาทในการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกในสนามบินอู่ตะเภาเพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว กรมการท่องเที่ยว กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยวได้รับงบประมาณ 111.4 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงโครงการพัฒนาประสิทธิภาพการปฏิบัติงานด้านการอำนวยความสะดวกและดูแล ความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยว



+++บริษัท สหการประมูล เปิดให้ผู้สนใจที่จะเข้าร่วมประมูลรถหรู ทั้งรถยนต์และจักรยานยนต์ในวันสุดท้าย ณ ลานจอดรถหน้าส่วนของกลาง สำนักสืบสวนและปราบปราม กรมศุลกากร



 

ข่าวทั้งหมด

X