*ทันสถานการณ์โลกเวลา 06.30น.*
+++เกิดเหตุโจมตีมัลแวร์เรียกค่าไถ่เล่นงานคอมพิวเตอร์ทั่วโลกในวันอังคาร(27มิ.ย.) เริ่มจากเซิร์ฟเวอร์บริษัทน้ำมันใหญ่ที่สุดของรัสเซีย ธนาคารต่างๆ สนามบินในยูเครน บริษัทขนส่งข้ามชาติ ก่อนลุกลามสู่ประเทศอื่นๆโดยเฉพาะในยุโรป ขณะที่สหรัฐฯสั่งจับตาสถานการณ์ใกล้ชิดพวกผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์เชื่อว่าพวกที่อยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีนี้ดูเหมือนจะใช้ประโยชน์จากเครื่องมือแฮกแบบเดียวกับที่ใช้ในเหตุโจมตีมัลแวร์เรียกค่าไถ่ “วอนนาคราย” (WannaCry) ที่แพร่ไวรัสสู่คอมพิวเตอร์หลายแสนเครื่องทั่วโลกเมือเดือนพฤษภาคม ก่อนที่นักวิจัยชาวอังกฤษจะสร้าง “kill switch” ขึ้นมา
++++ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าการโจมตีมัลแวร์เรียกค่าไถ่ค่อยๆปรากฎขึ้นทั่วโลก ภายใต้ฉายา "โกลเดนอาย" ผันแปรมาจากไวรัสเรียกค่าไถ่ที่มีอยู่ในปัจจุบันที่เรียกว่า Petya อย่างไรก็ตาม แคสเปอร์สกี แลป ผู้ผลิตซอฟต์แวร์ด้านความมั่นคงของรัสเซีย ระบุว่าจากการค้นพบเบื้องต้นของพวกเขาบ่งชี้ว่าไวรัสไม่ได้ผันแปรมาจาก Petya แต่มันเป็นมัลแวร์เรียกค่าไถ่ใหม่ที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน
+++พาฟโล โรเซนโก รองนายกรัฐมนตรียูเครน เผยว่าเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของรัฐบาลล่ม ส่วนธนาคารกลางยูเครนเผยว่าธนาคารและบริษัทหลายแห่ง ในนั้นรวมถึงบริษัทผู้จ่ายไฟฟ้าแห่งรัฐ ถูกโจมตีทางไซเบอร์ที่ก่อความขัดข้องแก่ปฏิบัติการบางอย่าง "ผลการโจมตีทางไซเบอร์ต่อธนาคาร ทำให้เป็นเรื่องยากลำบากที่จะให้บริการลูกค้าและดำเนินธุรกรรมต่างๆของธนาคาร" ธนาคารกลางระบุในถ้อยแถลง
++++รอสเนฟต์ หนึ่งในผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของโลกหากนับโดยปริมาณ ยืนยันว่าการผลิตน้ำมันของพวกเขาไม่ได้รับผลกระทบ "เซิร์ฟเวอร์ของบริษัทกำลังถูกแฮกโจมตีอย่างรุนแรง" บริษัทระบุในทวิตเตอร์ "การโจมตีมีสิทธิ์นำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ร้ายแรง แต่บริษัทได้เปลี่ยนเข้าสู่ระบบแบ็คอัพ การผลิตน้ำมันและการกลั่นยังคงเดินหน้าต่อไปได้"เมอร์ค แอนด์ โค ยักษ์ใหญ่แห่งอุตสาหกรรมเวชภัณฑ์ บอกว่าเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของเขาได้รับผลกระทบจากการแฮกทั่วโลกครั้งนี้
+++ขณะที่หน่วยงานแห่งหนึ่งของรัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์รายงานว่าระบบคอมพิวเตอร์ได้รับผลกระทบในอินเดีย แม้สำนักงานความมั่นคงทางไซเบอร์ของประเทศระบุยังไม่ได้รับรายงานเกี่ยวกับการโจมตีใดๆ หนึ่งในเหยื่อของเหตุโจมตีทางไซเบอร์เมื่อวันอังคาร(27มิ.ค.) คือบริษัทสื่อมวลชนแห่งหนึ่งของยูเครน ที่เผยว่าคอมพิวเตอร์ของพวกเขาถูกบล็อกและเรียกค่าไถ่เป็นเงินดิจิตอล "บิทคอยน์" จำนวน 300 ดอลลาร์ สำหรับการกลับเข้าถึงไฟล์ต่างๆ
+++ การแถลงรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ประจำปี 2560 ที่กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯในเวลา 10.30 น.ตามเวลาท้องถิ่นหรือ 21.30 น.ตามเวลาวันนี้ของประเทศไทย นายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ลดอันดับประเทศจีนจากระดับเฝ้าระวัง สู่ระดับเทียร์ 3 หรือมาตรฐานต่ำสุดในการปราบปรามปัญหาค้ามนุษย์ เช่นเดียวกับเดียวกับอิหร่าน ซิมบับเว ซูดาน อิหร่าน เฮติ เกาหลีเหนือ ซีเรีย และเมียนมา ส่วนไทยยังคงถูกระดับ ระดับเทียร์ 2
+++ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ แสดงความยินดีกับคำพิพากษาของศาลฏีกา ที่อนุญาตให้มีการบังคับใช้คำสั่งห้ามพลเมืองจากชาติมุสลิม 6 ชาติ เดินทางเข้าสหรัฐเป็นเวลา 90 วัน และห้ามผู้อพยพเดินทางเข้าสหรัฐ เป็นเวลา 120 วัน ทรัมป์ระบุว่า คำตัดสินของศาลฏีกาถือเป็นชัยชนะทางด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ และว่าในฐานะประธานาธิบดี เขาไม่สามารถที่จะอนุญาตให้คนที่คิดจะทำร้าย หรือทำอันตรายสหรัฐเดินทางเข้ามาในประเทศนี้ได้ คำสั่งห้ามการเดินทางดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ภายใน 72 ชม. นับจากที่ศาลมีคำตัดสิน ทั้งนี้ภายใต้คำตัดสินดังกล่าว จะมีผลบังคับใช้กับชาวต่างชาติที่ไม่มีสายสัมพันธ์ใดๆกับบุคคล หรือหน่วยงานในสหรัฐเท่านั้น พร้อมกับห้ามผู้อพยพเดินทางเข้าสหรัฐ เป็นเวลา 120 วัน จนกว่าจะมีการตัดสินของศาลสูงในเดือนตุลาคมนี้ว่า นโยบายดังกล่าวควรจะบังคับใช้ต่อไปหรือควรล้มเลิกไป สำหรับ 6 ชาติมุสลิมที่ห้ามเดินทางเข้าสหรัฐได้แก่ อิหร่าน ลิเบีย ซีเรีย เยเมน โซมาเลีย และซูดาน
+++ผลสำรวจล่าสุดของพิว รีเสิร์ช สถาบันวิจัยชั้นนำของสหรัฐฯว่า การเข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯของนายโดนัลด์ ทรัมป์ มีผลอย่างมากต่อทัศนคติของคนทั่วโลกว่า ผลสำรวจบ่งชี้ว่าภาพลักษณ์ของประธานาธิบดีทรัมป์และนโยบายต่างๆของเขาในภาพรวมนับว่าย่ำแย่ในสายตาของคนทั่วโลก มีเพียง 2 ประเทศจากทั้งหมดที่สำรวจคือ 37 ประเทศที่บอกว่า นายทรัมป์ดีกว่าอดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา ผู้นำคนก่อนของสหรัฐฯ คืออิสราเอลและรัสเซีย ส่วนผลสำรวจในสหรัฐฯเมื่อไม่นานมานี้บ่งชี้ว่าคะแนนนิยมของนายทรัมป์ในสหรัฐฯ ยังอยู่ในระดับต่ำโดยต่อเนื่องนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนมกราคม คือร้อยละ 39 เท่านั้นที่คิดว่านายทรัมป์ทำหน้าที่ บริหารประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ในกลุ่มผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกันของเขา นายทรัมป์ ยังมีคะแนนนิยมในระดับที่สูงคือร้อยละ 81
+++ราคาน้ำมันโลกปิดเมื่อคืนนี้ สัญญา น้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 86 เซนต์ ปิดที่ 44.24 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 82 เซนต์ ปิดที่ 46.65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังนักวิเคราะห์คาดหมายว่าตัวเลขคลังน้ำมันดิบสำรองรายสัปดาห์ของสหรัฐฯที่มีกำหนดเผยแพร่ในวันพุธ(28มิ.ย.) จะลดลง จากสภาพอากาศที่เลวร้าย
++++ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันอังคาร(27มิ.ย.) ปิดลบ โดยร่วงลงทันทีหลังจากร่างกฎหมายประกันสุขภาพถูกเลื่อนออกไปในชั้นวุฒิสภาเป็นหลังวันที่ 4 กรกฎาคม ดัชนีอุตสาหกรรม ดาวโจนส์ ลดลง 98.89 จุด (0.46 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 21,310.66 จุด ส่วนราคาทองคำในวันอังคาร(27มิ.ย.) โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 50 เซนต์ ปิดที่ 1,246.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์
+++นางมาร์เกรธ เวสเทเกอร์ กรรมาธิการด้านการแข่งขันทางการค้าของสหภาพยุโรป(อียู)ว่า คณะกรรมาธิการแห่งยุโรป(อีซี)องค์กรฝ่ายบริหารของกลุ่มอียูสั่งปรับบริษัทกูเกิล ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของสหรัฐฯจำนวน 2,420 ล้านยูโรหลังการมีมติว่า กูเกิลใช้อำนาจในฐานะยักษ์ใหญ่ ด้านเทคโนโลยีของโลกโดยมิชอบโดยการแสดงสินค้าที่กูเกิลมีข้อตกลงจะทำการส่งเสริมการขายไว้ในลำดับต้นๆของการสืบค้นข้อมูล ระบุว่าเป็นการตัดโอกาสของบริษัทอื่นๆให้ไม่สามารถแข่งขันอย่างเป็นธรรม นับเป็นตัวเลขค่าปรับสูงที่สุดเท่าที่อีซีเคยสั่งปรับบริษัทเอกชนที่ถูกกล่าวหาว่าบิดเบือนกลไกตลาด อีซียังมีคำสั่งให้กูเกิลยุติพฤติกรรมที่ต่อต้านการแข่งขันของตลาดภายใน 90 วัน มิฉะนั้นจะถูกปรับเพิ่มอีก กูเกิลอาจจะต้องจ่ายค่าปรับเพิ่มเติมคือร้อยละ 5 จากรายได้เฉลี่ยรายวันทั่วโลกที่บริษัทแม่คืออัลฟาเบทได้รับ ซึ่งปัจจุบันคือ 14 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อวัน ด้านโฆษกกูเกิลไม่ยอมรับคำตัดสินดังกล่าว ระบุว่าจะอุทธรณ์คำสั่งนี้ต่อไป
+++นายเออร์เนสโต อาเบลลา โฆษกประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ว่ารัฐบาลฟิลิปปินส์จะไม่ยอมเจรจากับกบฏมาอูเต ที่จับชาวบ้านหลายคนเป็นตัวประกันและยึดครองเมืองมาราวีทางภาคใต้ของประเทศ หลังรายงานทางสื่อท้องถิ่นว่านายอับดุลเลาะห์ มาอูเต ผู้นำกบฏต้องการจะขอเจรจาแลกตัวประกันคือแลกเปลี่ยนนักบวชคริสต์คนหนึ่งกับพ่อแม่ของเขาหลังถูกตำรวจจับกุมในเมืองดาเวา ไม่ห่างจากเมืองมาราวี เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน การสู้รบกับกบฏมาอูเตเข้าสู่สัปดาห์ที่ 6 แล้ว ในวันนี้เครื่องบินรบของกองทัพฟิลิปปินส์โจมตีที่มั่นฝ่ายกบฏอย่างรุนแรง ส่งผลให้พื้นที่ในความควบคุมของฝ่ายกบฏค่อยๆลดลงต่อเนื่อง
++++ผู้โดยสารหญิงชรารายหนึ่งเป็นต้นตอที่ทำให้เที่ยวบินหนึ่ง ในเซี่ยงไฮ้ต้องเดินทางล่าช้าเมื่อวันอังคาร(27มิ.ย.) หลังเธอโยนเหรียญใส่เครื่องยนต์ เพื่ออธิษฐานขอให้โชคดี เดินทางปลอดภัย จากการยืนยันของสายการบินไชนา เซาเทิร์น แอร์ไลนส์ อาม่าวัย 80 ปี โยนเหรียญเข้าใส่เครื่องยนต์เครื่องบินของ สายการบินไชนา เซาเทิร์น แอร์ไลนส์ ตอนที่เดินผ่านลานบินไปขึ้นเครื่องเมื่อวันอังคาร(27มิ.ย.)ทั้งหมด 9 เหรียญ แต่มีเพียงเหรียญเดียวที่ตกลงสู่เป้าหมาย อย่างไรก็ตามมันก็เพียงพอที่จะทำให้เจ้าหน้าที่ต้องอพยพผู้โดยสาร 150 คนเป็นเวลานานหลายชั่วโมง โดยเธอบอกกับตำรวจว่าเธอโยนเหรียญขึ้นไปเพื่ออธิษฐานให้เดินทางปลอดภัย ท้ายที่สุดแล้วเครื่องบินลำดังกล่าวก็ได้รับการรับรองว่ามีความปลอดภัยและเทคออฟขึ้นจากสนามบินตอนประมาณ 17.52น.ตามเวลาท้องถิ่น(ตรงกับเมืองไทย 16.52น.) หรือล่าช้าจากกำหนดเดิมกว่า 5 ชั่วโมง ไชนา เซาเทิร์น แอร์ไลนส์ เรียกร้องผู้โดยสารให้ปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบการบินพลเรือน รวมถึงหลีกเลี่ยงการกระทำที่อาจเป็นอันตรายแก่ผู้โดยสารคนอื่นๆที่เดินทางในเที่ยวบินของสายการบิน