อ.ศรีณรงค์ สุรินทร์ นำร่อง1ก.ค.ห้ามเด็กต่ำกว่า15ปีขับจยย.บนถนนสายหลัก -เป่าแอลกอฮอล์คนเจ็บจากเมาแล้วขับที่รพ.

มาตรการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนน โดยศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) ระดับอำเภอ ในการลงพื้นที่โครงการพัฒนาศักยภาพสื่อ ด้านอุบัติเหตุทางถนน ที่อำเภอศรีณรงค์ จังหวัดสุรินทร์ ว่าที่ร้อยตรีศราวุธ จันทวงศ์ นายอำเภอศรีณรงค์ จังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า ในปี 2560 ศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยทางถนน อำเภอศรีณรงค์ได้ประกาศ 3 วาระด้านอุบัติเหตุที่เร่งดำเนินการ ประกอบด้วย 3 การสวมหมวกนิรภัย โดยเน้นกลุ่มเด็กนักเรียน อายุ 15-20 ปี ที่มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุอยู่ในอันดับต้นๆ วาระที่ 2  ไม่ให้เด็กที่มีอายุต่ำกว่า15 ปี ขับขี่รถจักรยานยนต์บนท้องถนนสายหลัก เนื่องจากในอำเภอศรีณรงค์เป็นสังคมกึ่งชนบทที่จำเป็นต้องใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะหลัก จึงมีข้อยกเว้นในถนนสายรอง โดยร่วมมือกับชุมชนและตำรวจช่วยกันดูกรณีเด็กอายุต่ำกว่า 15ปี ขับรถบนถนนสายหลัก หากพบครั้งแรก ตักเตือนก่อน  พร้อมบันทึกข้อมูล หากเจอครั้งที่สอง ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนวาระที่ 3 กรณีผู้ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนน เมื่อเข้ารับรักษาตัวในโรงพยาบาลพื้นที่อำเภอศรีณรงค์ หากผู้ให้การรักษาประเมินอาการแล้ว พบสาเหตุมาจากเมาแล้วขับ ให้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ นำเครื่องเป่าแอลกอฮอล์มาเป่าที่โรงพยาบาลทันที เพราะถือว่าก่อนการได้รับบาดเจ็บ ได้ทำผิดกฎหมายมาก่อน พร้อมดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยจะมีผลบังคับใช้ 1 ก.ค.2560 แต่ในช่วงนี้เจ้าหน้าที่จะพยายามทำความเข้าใจให้ความรู้กับชาวบ้านก่อน

ทั้งนี้ การทำงานของศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยทางถนน อำเภอศรีณรงค์ ที่มีหน้าที่กำหนดนโยบาย วางมาตรการ โดยขยายผล ไปในระดับพื้นที่ เป็นศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยทางถนน ระดับท้องถิ่น ซึ่งนำร่องในตำบลตรวจ อ. ศรีณรงค์ เป็นแห่งแรก  เนื่องจากข้อมูลสถิติพบว่ามีการเกิดอุบัติเหตุสูงและเป็นพื้นที่จุดเสี่ยง เพราะอำเภอศรีณรงค์ มีเส้นทางสายหลักที่จะตัดผ่านตำบลนี้ หลังจากนั้นได้ขยายผลครอบคลุมไปยังพื้นที่อื่นใน 4 ตำบลที่เหลือโดยมีคณะอนุกรรมการทำหน้าที่ ให้ข้อมูล พร้อมจัดประชุมเป็นประจำทุก 1 เดือน ซึ่งจะอ้างอิงข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุมาจากโรงพยาบาลศรีณรงค์ นอกจากนี้ ยังได้มีมาตรการตั้งด่านในครอบครัวและชุมชนเพื่อยับยั้ง ตักเตือน หากพบกลุ่มเสี่ยงที่นำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุ ยอมรับว่าศักยภาพของแต่ละตำบลอาจไม่เท่ากัน แต่สิ่งที่ทำได้คือลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินงานในทุกศูนย์

ผู้สื่อข่าว:เกตุกนก ครองคุ้ม