การขอศาลอนุมัติหมายจับนายวัฒนา ภุมเรศ ผู้ต้องหาในการก่อเหตุวางระเบิดที่ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ล่าสุดพลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รายงานมาว่าศาลอนุมัติหมายจับแล้ว5หมาย แต่ยังไม่ทราบว่าข้อหาอะไรบ้าง โดยยืนยันว่าเจ้าหน้าที่มีพยานหลักฐานที่ค่อนข้างชัดเจน เพราะ จากการสืบสวนตำรวจรู้ตั้งแต่แรกๆ ว่าบุคคลเป้าหมายคนนี้เป็นใครและนายวัฒนาก็เป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ต้องสงสัยในกล้องวงจรปิดแต่จะมีลักษณะพิเศษกว่าคนอื่นตรงที่มีการสวมหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า และถือถุงพลาสติกจึงตรวจดูเป็นพิเศษ โดยกล้องวงจรปิดนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มาตั้งแต่วันแรกๆที่เกิดเหตุระเบิด จากการตรวจสอบพบว่าเหตุระเบิดที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดหน้าโรงละครแห่งชาติและสลากกินแบ่งรัฐบาลเก่า และอาจจะ เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดทางการเมืองเมื่อปี2550 เพราะมีลักษณะการประกอบระเบิดคล้ายๆกัน ทั้งนี้จากการสอบปากนายวัฒนาในเบื้องต้น รับสารภาพว่าทำคนเดียว เจ้าหน้าที่ตำรวจก็รับฟัง แต่จะเชื่อหรือไม่ อยู่ที่ดุลพินิจ และการประกอบหลักฐานหลายๆอย่างด้วย ซึ่งจะขยายผลไปถึงผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่จะโยงไปถึงใครบ้างยังไม่ขอเปิดเผย เร็วๆนี้อาจจะมีจับกุมเพิ่มเติมอีก
ส่วนนายวัฒนาจะเกี่ยวข้องกับจดหมายแจ้งเตือนที่ส่งไปยังโรงพยาบาลอื่นใกล้เคียงกับโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าก่อนหน้านี้หรือไม่นั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามสอบปากคำในเรื่องนี้อยู่ ซึ่งนายวัฒนาไม่ได้ให้การอะไร ให้การเพียงเรื่องทั่วๆไป จากการตรวจค้นบ้านของนายวัฒนาและพบว่ามีเสื้อ นาฬิกา ที่บ่งบอกกลุ่มการเมืองสีแดง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติระบุว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบว่านายวัฒนาฝักใฝ่มากน้อยเพียงใด และขณะนี้ ไม่พบข้อมูลว่าเป็นกลุ่มฮาร์ดคอร์ แต่อย่างใด
ส่วนการตั้งข้อสังเกตของนางสาวยิงลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถึงการจับกุมนายวัฒนาแล้วโยงไปที่กลุ่มเสื้อแดง ว่าเป็นความพยายามโยงเรื่องการเมืองนั้น ตนเองไม่ทราบ ต่างคนมีแนวคิดไม่เหมือนกัน ใครจะพูดอะไรก็แล้วแต่ ตนเองรู้ดีที่สุดแล้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติขอเปิดเผยรายละเอียดในการแถลงข่าวอีกครั้ง คาดว่าจะวันที่20มิถุนายน ขณะนี้กำลังเร่งขอตัวนายวัฒนาจากทางทหารมาดำเนินการ เพราะเป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจ พร้อมมั่นใจว่า การจับกุมครั้งนี้ไม่ผิดตัวแน่นอน พร้อมเชื่อว่าเหตุระเบิดที่หน้าสำนักงานยูเนสโก ปากซอยสุขุมวิท 40 วันนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดก่อนนี้ คาดว่าเป็นเรื่องของวัยรุ่น หรือนักเรียนบริเวณดังกล่าว ที่นำมาทิ้งและเจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานครผ่านมาเจอ ซึ่งระเบิดครั้งนี้ไม่อันตรายถึงชีวิต