ทบ.ชี้แจงซื้อรถเกราะงบผูกพัน3ปี/ตอบคำถามนายกฯ2วันกว่า2หมื่นคน/ปปช.ชี้มูลวัฒนา เมืองสุข ทุจริตบ้านเอื้ออาทร/ฝากขังบอย ยูนิตี้

15 มิถุนายน 2560, 08:04น.


ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30  น.



+++หลังที่ประชุม คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติโครงการจัดซื้อรถเกราะล้อยาง วีเอ็น 1 จำนวน 34 คัน จากประเทศจีน วงเงิน 2,300 ล้านบาท ตามที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นผู้นำเสนอ และไม่มีการ แถลงข่าวให้สื่อมวลชนทราบนั้น พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ชี้แจงว่า การซื้อรถเกราะล้อยาง วีเอ็น 1 มีคณะกรรมการ เปรียบเทียบคุณสมบัติรถเกราะ จากหลายประเทศ ทั้งของ จีน รัสเซีย และยูเครน ท้ายสุด ได้ข้อสรุปรถเกราะล้อยาง วีเอ็น 1 ประเทศจีน เหมาะสมที่สุด อีกทั้งภายใต้การบริหาร ของ คสช. ส่งผลให้การจัดซื้อยุทโธปกรณ์จากประเทศตะวันตกเป็นไปด้วยความลำบาก ประกอบกับไทยมีปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ ดังนั้นการจัดซื้อยุทโธปกรณ์จากประเทศจีน ถือเป็นจังหวะ เวลา ราคา และโอกาสที่เหมาะสมโดยหลังจากนี้ พล.อ.สมศักดิ์ นิลบรรเจิดกุล ผู้ช่วย ผบ.ทบ. มีกำหนดเดินทางไปประเทศจีนเพื่อลงนามสัญญาซื้อรถเกราะล้อยาง วีเอ็น 1 ในช่วงปลายเดือน มิ.ย. หรือ ต้นเดือน ก.ค. พล.อ.เฉลิมชัย ได้ชี้แจง กรณีกำลังทหารจากกองทัพภาคที่ 2 เข้าพบ นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร อดีต รมช.เกษตร และสหกรณ์ และอดีต ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ที่บ้านพักเมื่อวันที่ 11 มิ.ย. ว่า ไม่เกี่ยวกับการให้ นายยุทธพงศ์ ตอบคำถาม 4 ข้อของนายกรัฐมนตรี แต่ทหารไปพูดคุยประเด็นเรื่องห้ามเผยแพร่หนังสือเรื่อง "ทำลายจำนำข้าว แต่ฆ่าชาวนา" ซึ่งนายยุทธพงศ์เป็นหนึ่งในผู้เขียน



+++ส่วน ประเด็นทหารเรียกตัวนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงานและแกนนำพรรคเพื่อไทยเข้าพบที่กองทัพภาคที่ 1ในวันที่ 16 มิ.ย. นั้น พล.อ.เฉลิมชัย ชี้แจงว่า นายพิชัย เป็นผู้มีความรู้ทางด้านเศรษฐกิจและที่ผ่านมา ได้ เสนอแนะรัฐบาลหลายครั้ง ดังนั้น คสช. จึงเชิญมานั่งกินกาแฟแลกเปลี่ยนข้อมูล และ ขออย่าใช้คำว่าปรับทัศนคติ เป็นเพียงการเชิญมาพูดคุย และทำความเข้าใจบางเรื่อง เพื่อเดินหน้าประเทศร่วมกัน ขณะที่ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรมว.พลังงานและแกนนำพรรคเพื่อไทย ขอเตือน คสช. การเรียกตนเองเข้ากองทัพภาคที่ 1 ครั้งนี้ อาจส่งผลให้ความเชื่อถือของนักลงทุน ทั้งในและต่างประเทศลดลงนอกจากนี้ขอนายกรัฐมนตรี สั่งให้กรมสรรพากรยุติการกลั่นแกล้ง โดยการตรวจสอบบริษัทเครือญาติของผมด้วย



+++สำหรับความเคลื่อนไหวอื่น ๆ นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธาน สนช. คนที่ 2 เปิดเผยว่า ในการประชุมสนช.วันที่ 15 มิ.ย. มีวาระการพิจารณาผลการตรวจสอบ ข้อร้องเรียน 7 สนช. ที่ขาดการลงมติ ในที่ประชุมสนช.เกินจำนวน ที่กำหนดไว้ในข้อบังคับการประชุม สนช. พ.ศ. 2557 ได้แก่ 1. พล.ร.อ.พัลลภ ตมิศานนท์ 2. นายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ 3. นายดิสทัต โหตระกิตย์ 4. นายสุพันธุ์ มงคลสุธี 5. พล.อ. ปรีชา จันทร์โอชา 6. พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง 7. พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ โดย คณะกรรมการจริยธรรม ได้ตรวจสอบ และมีมติว่าการกระทำของ 7 สนช. ไม่เข้าข่ายผิดจริยธรรม เนื่องจาก ได้ลาประชุมตามข้อบังคับ เพื่อไปปฏิบัติภารกิจให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูง ซึ่งมีความจำเป็น



+++นายประยูร รัตนเสนีย์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย สรุปจำนวนประชาชนทั่วประเทศ ที่เข้ามาตอบ 4 คำถาม นายกรัฐมนตรี ระหว่าง วันที่ 12-13 มิ.ย. สรุปมียอดรวม 27,804 ราย ภาพรวมทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย นอกจากนี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ได้สั่งการให้ขยายจุดรับฟังความเห็น ในส่วน ของ กทม. ขยายไปในโรงเรียน ศูนย์บริการสาธารณสุข และอาจจะขยายไปที่โรงพยาบาล ส่วนต่างจังหวัด ขยายรับฟังความเห็นในห้างสรรพสินค้า 47 แห่ง โดยจะเริ่มดำเนินการในวันที่ 19 มิ.ย.



+++คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดนายวัฒนา เมืองสุข เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กรณีถูกกล่าวหาว่าทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร เรียกรับเงินจากผู้ประกอบการเอกชนในการจัดซื้อจัดจ้างโครงการบ้านเอื้ออาทร โครงการที่บริษัท พาสทีญ่า ไทย จำกัด ดำเนินการ โดยมีมูลความผิดตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 148 ฐานผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5-20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 2,000-40,000 บาท หรือประหารชีวิต และมาตรา 149 ฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเอง หรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5-20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึง 400,00 บาท หรือประหารชีวิต ปัจจุบันคณะกรรมการ ป.ป.ช. ส่งสำนวนการไต่สวน และรายงานให้กับสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแล้ว แต่อัยการเห็นว่า คดีดังกล่าวยังมีข้อไม่สมบูรณ์ โดยเฉพาะประเด็นข้อกฎหมาย จึงต้องตั้งคณะกรรมการร่วมพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ระหว่างอัยการและ ป.ป.ช. ก่อนส่งฟ้องต่อศาลต่อไป หากยังหาข้อยุติไม่ได้ ป.ป.ช. สามารถเรียกสำนวนกลับคืนมาส่งฟ้องเองได้



+++หลังนายวิทยา แก้วภารดัย อดีตสมาชิกปฏิรูปแห่งชาติ (สปท.) และอดีตแกนนำคณะกรรมการประชาชน เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ให้เป็นประชาธิปไตย กปปส. ยื่นเรื่องร้องเรียนให้ตรวจสอบกรณีซื้อขายตำแหน่งตำรวจระดับสารวัตร-ระดับรองผู้กำกับการ ทั้งในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และโดยเฉพาะพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่มีการซื้อ-ขาย ตำแหน่งด้วยราคาที่สูงกว่ากองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ถึง 2 เท่า พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าทำไมนายวิทยา ถึงมีข้อมูลมาพาดพิงในพื้นที่ของกองบัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งในเรื่องนี้พลตำรวจโทศานิตย์ มหาถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้รับความเสียหาย ส่วนตัวมองว่าพลตำรวจโทศานิตย์ ถือเป็นบุคคลที่ตรงไปตรงมา เบื้องต้นมีการพูดคุยกันแล้ว และจะดำเนินการตรวจสอบ ยืนยันว่าในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ไม่มีการซื้อขายตำแหน่งแน่นอน และมอบให้พลตำรวจโทจารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้บัญชาการกองกฎหมายและคดี ไปพิจารณา ว่านายวิทยาจะเข้าข่ายการหมิ่นประมาทหรือไม่  ส่วนการพิจารณาแต่งตั้ง มีหลักเกณฑ์ตามลำดับขั้นอยู่แล้วหลายขั้นตอน ตั้งแต่ระดับกองบัญชาการ ก่อนจะมาถึงการลงนามของตน



+++ส่วนกรณีมีคำสั่งย้ายพลตำรวจโทเทศา ศิริวาโท ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 มาปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ระบุว่า การย้ายครั้งนี้ นอกจากจะมีข้อกล่าวหาที่นายวิทยาออกมาเปิดเผยและยังมีหนังสือร้องเรียนเข้ามาหลายฉบับ จึงต้องมีการย้ายเพื่อให้จเรตำรวจแห่งชาติ เข้าไปตรวจสอบได้โดยง่าย และลดข้อครหาจากประชาชน พร้อมยืนยันว่าไม่ใช่การเอาคืนนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. เนื่องจากพลตำรวจโทเทศา มีความสนิทสนมกับนายสุเทพ  ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำให้มีการตรวจสอบให้ชัดเจนนั้น พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ยืนยันว่า จะต้องตรวจสอบตามพยานหลักฐาน และคำให้การต่างๆ ด้านพลตำรวจตรี จารุวัฒน์ ระบุว่า หากนายวิทยาออกมาพูดโดยไม่มีข้อเท็จจริง ถือเป็นหมิ่นประมาทตามกฎหมายอาญา มาตรา 326 ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องจะพิจารณาว่าจะดำเนินการฟ้องร้องหรือไม่ และตนจะเป็นผู้พิจารณาข้อเท็จจริงในฐานะตัวแทนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นนิติบุคคล ซึ่งได้รับความเสียหายหากมีการพาดพิงถึงบุคคลในองค์กร



+++พล.ต.ท. สมหมาย กองวิสัยสุข ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เปิดเผยว่า ได้สรุปสำนวนคดีเกี่ยวกับนายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง และ น.ส. ณปภา ตันตระกูล หรือ แพท ให้อัยการทั้งหมดแล้ว ดังนั้นการพิจารณาคดีอยู่ที่พนักงานอัยการ เนื่องจากในขั้นตอนของตำรวจปราบปรามยาเสพติดได้ทำงานครบถ้วนทั้งหมดแล้ว ส่วนกรณีที่จะมีการเรียกดารา คนดัง หรือไฮโซ มาสอบสวนเกี่ยวกับคดียาเสพติด หรือเครือข่ายนายไซซะนะ แก้วพิมพา ผู้ต้องหาคดียาเสพติด  ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด ยืนยันว่า ตำรวจมีการสืบสวนเดินหน้า กวาดล้างผู้กระทำความผิดอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้การขยายผลจับกุมเครือข่ายนายสีสุก ดาวเฮือง พ่อค้ายาเสพติดรายสำคัญ ได้ขยายผลไปยังประเทศมาเลเซียและไต้หวันแล้ว ยืนยันว่าไม่มีอุปสรรคในการทำงาน เนื่องจากทุกประเทศในแถบเอเชียใต้ได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี    



+++ค่าเงินบาท นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึง สถานการณ์การแข็งค่าของเงินบาท ซึ่งแข็งค่าหลุดระดับ 34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐว่า มาจาก 2 ปัจจัย ปัจจัยแรกจากปัจจัยภายนอก ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่าข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ออกมาในช่วงนี้ส่งผลให้ความมั่นใจต่อทิศทางการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ โดยเฉพาะนโยบายการคลังในการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะมีบทบาทน้อยลง ทำให้นักลงทุนมั่นใจต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐลดลง ส่วนปัจจัยที่สอง มาจากปัจจัย การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยเริ่มมีแนวโน้มที่ชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด ทั้งจากรายได้การส่งออก และการท่องเที่ยว นอกจากนี้ ยังมีนักลงทุนต่างประเทศเข้ามาเพิ่มทุนในสถาบันการเงินในไทยอีกด้วย



+++หลังพนักงานสอบสวนกองปราบปราม สอบปากคำนายอินทระศักดิ์ เตชธีรสิริ หรือ “บอย ยูนิตี้” กรรมบริษัทเอสทีที ออโต้ เซอร์วิส จำกัดนานกว่า3ชั่วโมง ในข้อหาฉ้อโกง นายธีรสิทธิ์ สุริยันชัยเจริญ ทนายความของนายอินทระศักดิ์ กล่าวว่า  เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการให้ประกันตัว และในวันนี้เวลา09.00น.พนักงานสอบสวนกองปราบปรามจะนำตัวนายอินทระศักดิ์ไปขออำนาจศาลฝากขังผัดแรก ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ สำหรับนายอินทระศักดิ์  ถูกเจ้าหน้าที่กองปราบปรามควบคุมตัวหลังจากเดินทางไปที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ยื่นฟ้องอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) และพวกรวม 12 คนพันตำรวจเอกจิรภพ ภูริเดช รองผู้บังคับการกองปราบปราม ชี้แจงการนำกำลังเข้าจับกุมว่า มีผู้เสียหายมายื่นเรื่องและหลักฐานว่า ซื้อรถยนต์หรูมูลค่าตั้งแต่ 8 -30 ล้านบาท จากบริษัทในกลุ่มของนายอินทระศักดิ์ แล้วเกิดปัญหาถูกกรมศุลกากร และตำรวจจับ เจ้าหน้าที่มีหลักฐานชัดเจนและคดีมีอัตราโทษเกิน 3 ปี พนักงานสอบสวน สามารถออกหมายจับหรือออกหมายเรียกได้ แต่ตำรวจใช้แนวทางการออกหมายจับและจับกุมทันที เนื่องจากพยานหลักฐานชัดเจน

ข่าวทั้งหมด

X