ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้
++++ประชุมคณะกรรมการอัยการหรือ ก.อ.มีมติเอกฉันท์เห็นชอบให้นายเข็มชัย ชุติวงศ์ รองอัยการสูงสุด อาวุโสอันดับ1 ขึ้นเป็นอัยการสูงสุด (อสส.)คนต่อไป สำหรับประวัตินายเข็มชัย ชุติวงศ์ ว่าที่อัยการสูงสุดคนที่ 14 ปัจจุบันอายุ 63 ปี เกิดวันที่ 27 ก.ย.2497 จบการศึกษา นิติศาสตรบัณฑิต เกียรตินิยมอันดับ1 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เนติบัณฑิตไทย เกียรตินิยม เเละปริญาโทนิติศาสตร์จากมหาวิทยาลัย ฮาร์วาร์ด
+++ปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่กรุงเทพฯซึ่งกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้วางมาตรการแก้ปัญหาในหลายพื้นที่ทั้งระยะเร่งด่วนและระยะยาวโดยหนึ่งในการดำเนินการป้องกันและบรรเทาปัญหาน้ำท่วมคือการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำขนาดใหญ่เพื่อเพิ่มช่องทางการดึงน้ำที่ท่วมขังในบริเวณแอ่งที่ลุ่มต่ำทั้งผิวถนนและตามชุมชนต่าง ๆ ให้มีทางด่วนในการระบายน้ำเพิ่มเติมจากระบบการระบายที่มีอยู่โดยให้น้ำไหลไปตามท่อระบายน้ำลงคลองเล็กและลำเลียงออกไปยังแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งจะใช้เวลานานตามที่หนังสือพิมพ์เดลินิวส์นำเสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่อง นายสมพงษ์ เวียงแก้ว ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ (สนน.) กทม. เปิดเผยว่า ขณะนี้ กทม. มีอุโมงค์ระบายน้ำที่เปิดใช้แล้ว 7 แห่ง นอกจากจะมีอุโมงค์ยักษ์บางซื่อซึ่งจะเป็นอุโมงค์แห่งใหม่ที่กำลังจะเปิดใช้ในเดือน ก.ค. นี้แล้ว กทม. ยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างอุโมงค์ยักษ์อีกหนึ่งแห่งคืออุโมงค์ระบายน้ำบึงหนองบอน ซึ่งเป็นอุโมงค์ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 5 เมตร ลึกจากผิวดิน 30 เมตร เมื่อแล้วเสร็จจะเป็นทางด่วนในการเร่งระบายน้ำที่ท่วมขังออกจากพื้นที่เร็วขึ้น มีประสิทธิภาพการระบายน้ำได้ 60 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที รับน้ำจากพื้นที่ฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ ในเขตประเวศ, สวนหลวง, บางนาและพระโขนง รวมพื้นที่ประมาณ 85 ตารางกิโลเมตร ตลอดแนวอุโมงค์จะใช้พื้นที่ใต้คลองและใต้ถนนเป็นหลัก จึงไม่มีการเวนคืนที่ดิน แต่การก่อสร้างอาจกระทบเส้นทางจราจรบางช่วง โดยแนวอุโมงค์จะเริ่มจากอาคารรับน้ำ บริเวณบึงหนองบอน ลอดใต้แนวคลองหนองบอน, แนวคลองตาช้าง, ถนนศรีนครินทร์, ถนนอุดมสุข, ซอยอุดมสุข 29 ลอดใต้แนวคลองบางอ้อ ผ่านสถานีสูบน้ำและออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณปากคลองบางอ้อเขตพระโขนง ระยะทางรวมประมาณ 9.4 กิโลเมตร จะเป็นอุโมงค์ระบายน้ำที่ยาวที่สุดเท่าที่ กทม. มีอยู่ในขณะนี้
+++วันนี้ต้องติดตามต่อ หลัง กกต.มีมติเบื้องต้นที่จะส่งหนังสือแย้ง 2 ประเด็นที่เห็นว่าเนื้อหาของร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้งฉบับ สนช. ขัดแย้งต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ คือ กรณีรัฐธรรมนูญ มาตรา 224 (1) บัญญัติให้ กกต.มีอำนาจจัดหรือมอบหมายให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการจัดการเลือกตั้ง แต่ร่าง พ.ร.ป.กกต.มาตรา 27 กลับเขียนให้ กกต.มีอำนาจเพียงมอบหมายให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดการเลือกตั้ง กรณีมาตรา 224 (3) วรรคท้าย บัญญัติให้ กกต.แต่ละคนมีอำนาจในการสั่งระงับการเลือกตั้งของหน่วยเลือกตั้ง เขตเลือกตั้ง หากพบว่ามีการกระทำผิดเกิดขึ้น แต่ในร่าง พ.ร.ป.กกต.มาตรา 26 (2) กลับบัญญัติให้มีอำนาจเพียงชะลอ และนำเสนอเรื่องให้ที่ประชุม กกต.พิจารณา ส่วนเรื่องเซตซีโร่ กกต.ที่ประชุมได้พูดคุยกันอย่างกว้างๆ ยังไม่ได้ลงรายละเอียด เพราะขอรอดูร่าง พ.ร.ป.กกต.ที่ สนช.ส่งมาก่อน ซึ่งเพิ่งได้รับร่างกฎหมายดังกล่าว ในช่วงเย็นของวานนี้ (14 มิ.ย.) ดังนั้น กกต.จะมีการประชุมอีกครั้ง เพื่อจะได้ส่งความเห็นแย้งกลับไปทันภายใน 10 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 23 มิ.ย.นี้ มีรายงานว่า ในการประชุม กกต.ร่วมกับคณะที่ปรึกษาที่มีนายสุรินทร์ นาควิเชียร อดีตรองประธานศาลฎีกาเป็นประธาน ที่ปรึกษาที่เข้าร่วมประชุมมีความเห็นทั้งที่เห็นว่าประเด็นเรื่องของการเซตซีโร่ กกต. ขัดต่อหลักนิติธรรมตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ ขณะที่อีกส่วนหนึ่งก็เห็นแย้งว่าไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ โดยที่ประชุม กกต.เห็นว่าประเด็นที่ที่ปรึกษากฎหมายมีความเห็นว่าการเซตซีโร่ กกต.ขัดต่อรัฐธรรมนูญมีการยกข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องในหลายบท จึงมอบให้สำนักกฎหมายของสำนักงานฯ ไปรวบรวมเพื่อใช้เป็นเหตุผลในการยกร่างหนังสือความเห็นแย้งในประเด็นนี้ รวมถึงประเด็นอื่นๆ ที่จะเสนอไปยัง สนช.โดยให้นำร่างหนังสือดังกล่าวมาเสนอที่ประชุม กกต.พิจารณาในวันที่ 20 มิ.ย.นี้
+++หลัง เงินดิจิทัลที่รวมถึง บิตคอยน์ เริ่มมีการพูดถึงกันมากขึ้น เนื่องจากเป็นสกุลเงินที่ใช้ควบคู่ไปกับเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) ที่ธนาคารพาณิชย์ไทยกำลังจะนำมาใช้ ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกประกาศก่อนหน้านี้ว่า บิตคอยน์ไม่ถือเป็นเงินที่ใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายไทย โดยบิตคอยน์และเงินดิจิทัลอื่นๆ มีสถานะเป็นเพียง "หน่วยข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์" เท่านั้น นาย สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในการเสวนาเรื่อง "ฟินเทค นวัตกรรมการเงิน เรื่องใกล้ตัวที่ต้องรู้" ได้สั่งการให้ ธปท.ไปศึกษาความเป็นไปได้ของนวัตกรรมใหม่ๆ เช่น บิตคอยน์ ว่าไทยควรมีหรือไม่ ซึ่งต้องดูเรื่องความเสี่ยงไม่ให้ประชาชนถูกหลอกลวง
+++ด้านนายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศ (ธปท.) กล่าวถึงการยอมรับคริปโตเคอเรนซี่ (Cryptocurrency) กระทั่งมีธนาคารกลางของประเทศใหญ่หลายแห่งเตรียมตัวรับมือเรื่องนี้ ว่า ธปท.อยู่ระหว่างการศึกษาและติดตามดู เพราะต้องดูหลายมิติ แต่กฎหมายเราก็ไม่ได้รองรับการนำเงินเหล่านี้มาชำระหนี้ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนหนึ่งเพราะค่าเงินคริปโตเคอเรนซี่ อย่างบิตคอยน์ปรับขึ้นลงค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา การที่สกุลเงินผันผวนแรง ผู้ใช้จริงต้องมีความรู้อย่างดีว่ามันจะมีความเสี่ยงใดเกิดขึ้นได้บ้าง ซึ่งในคนไทยยังมีความรู้ความเข้าใจเรื่องแบบนี้ไม่มากนัก
+++นายทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า สกุลเงินดิจิทัลเป็นเทคโนโลยีใหม่จากบล็อกเชนที่น่าสนใจ เริ่มมีการทดลองใช้บ้างแล้ว เช่น บิตคอยน์ แต่ก็มีความท้าทายในเรื่องการกำกับดูแล เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและการยอมรับได สำหรับธนาคารกรุงเทพมองสกุลเงินดิจิทัลด้วยความระมัดระวัง แต่ติดตามอย่างใกล้ชิดเพื่อทำความเข้าใจพัฒนาการที่เกิดขึ้น ว่าคนภายนอกเห็นจุดอ่อนอะไร การเข้ามากำกับดูแลต้องรวมไปทั้งการเก็งกำไรและดูแลผู้ลงทุนอย่างไรด้วย
+++ย่าน้องรุ้งวัย 10 ขวบที่ถูกฆ่าถ่วงน้ำในคลองสำโรง สมุทรปราการ ช็อกบ หลังรู้ว่าเป็นฝีมือแม่แท้ ๆ ของหลานสาวเป็นคนทำ ทั้งๆที่เพิ่งมาพักอาศัยอยู่กับ น.ส.สุภาพร นนทรา อายุ 31 ปี ผู้เป็นแม่ และนายวจะรัน ทัดสวรรค์ อายุ 35 ปี พ่อเลี้ยง ที่ห้องเช่าใกล้กับจุดเกิดเหตุได้ไม่นาน และมีปัญหาถูกทำร้ายทุบตีอยู่ตลอด อีกทั้งยังถูกขังให้อดข้าวอดน้ำ และทั้งคู่รีบย้ายออกจากห้องเช่าไปทันทีหลังเกิดเหตุ
+++พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.ภ.1 กล่าวว่า จากการสอบสวน ผู้ต้องหาทั้งสองคน ให้การรับสารภาพว่า รับน้องรุ้งมาอยู่ได้ 3 เดือนแล้ว เวลาออกไปทำงานจะจับขังไว้ในห้องพร้อมกับลูกสาวคนเล็กวัย 3 ขวบอีกคน จนกระทั่งช่วงต้นเดือน พ.ค.มาเริ่มลงมือทำร้ายร่างกายลูก ด้วยการทุบตีและเตะ โดยอ้างว่าเป็นเพราะเด็กดื้อ ชอบโกหก โดยส่วนใหญ่ น.ส.สุภาพร ผู้เป็นแม่เป็นคนที่ลงมือทำมากว่า 10 ครั้งแล้ว มีบางครั้งที่ นายวจะรัน พ่อเลี้ยงร่วมทุบตีด้วย ด้านตายายของน้องรุ้ง นั่งอยู่เตียงหน้าบ้านในอาการซึมเศร้า ก่อนเปิดเผยว่า น.ส.สุภาพร แม่น้องรุ้งเป็นลูกสาวคนโต ต่อมา น.ส.สุภาพร เอาน้องรุ้งมาให้เลี้ยงมาได้ 1 ปีแล้ว โดยส่งเสียให้เข้าเรียนที่โรงเรียนบ้านท่าลาดวารีวิทยา กำลังจะขึ้นชั้น ป.5 แล้ว ที่ผ่านมา น้องรุ้งเป็นเด็กร่าเริงตามวัย ไม่เคยตีเลยเพราะรักมาก มีดุบ้างเป็นบางครั้ง ช่วงเดือน เม.ย. ก่อนเทศกาลสงกรานต์ น.ส.สุภาพร กลับมารับน้องรุ้งไปอยู่ด้วย โดยบอกจะพาไปเที่ยวช่วงปิดเทอม พวกตนเองเห็นว่าเป็นแม่จึงยอมให้ไป แต่หลังจากนั้นพยายามโทรศัพท์ติดต่อเท่าไรก็ไม่เคยรับสายเลยแม้แต่ครั้งเดียว กระทั่งมาเปิดเจอข่าวมีเด็กถูกฆ่าถ่วงน้ำ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นหลานสาวตัวเอง จนกระทั่งญาติมาบอกให้ทำใจดี ๆ ไว้ เพราะศพเด็กที่ถูกถ่วงน้ำอาจจะเป็นน้องรุ้งจึงรีบให้ลูกสาวคนเล็กไปขอดูศพจนมั่นใจว่าเป็นน้องรุ้งแน่นอน ไม่คิดว่าแม่แท้ ๆ กับพ่อเลี้ยงจะทำกับลูกได้ขนาดนี้ หากวันนั้นไม่ให้น้องรุ้งไปกับแม่ ก็คงไม่มาพบจุดจบแบบนี้ ด้าน นายวัลลภ กุลนานันท์ อายุ 60 ปี ชาว จ.พิษณุโลก ผู้เป็นปู่ของน้องรุ้ง กล่าวว่า ในวันที่ 15 มิ.ย.จะเดินทางไปที่ จ.สมุทรปราการ เพื่อจัดการเรื่องเอกสารในการขอนำศพน้องรุ้งมาบำเพ็ญกุศล