การแถลงข่าวจับกุมแก๊งค์สกิมเมอร์ ( Skimmer) บัตรเครดิต และบัตร ATM โดยนำอุปกรณ์คัดลอกข้อมูลบัตรอิเล็กทรอนิกส์ มาติดไว้ที่บริเวณตู้บริการเงินด่วน ตามจุดที่มีประชาชนทั่วไปใช้บริการและสัญจรไปมา เพื่อนำข้อมูลไปใช้ในทางทุจริต พลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บังคับการกองบังคับการสายตรวจและปฎิบัติการพิเศษ (ผบก.สปพ.) เปิดเผยว่า ตำรวจสามารถควบคุมตัวผู้กระทำผิดได้ 3 ราย ได้แก่ นายจง ฟู่ หัว (Mr.Zhong Fuhua) อายุ 31 ปี สัญชาติจีน, นายหลิว หลี่ หมิง (Mr.Liu Liming) อายุ 40 ปี สัญชาติจีน และนายจู ว่าน หลง (Mr.Zhu Wanrong) อายุ 47 ปี สัญชาติจีน พร้อมของกลางที่พบจากตัวผู้ถูกจับกุมทั้งหมด เป็นเครื่องคัดลอกข้อมูลจากบัตรอิเล็กโทรนิกส์ 3 ชิ้น, กล้องวีดีโอบันทึกภาพขนาดเล็ก 5 ชิ้น, บัตรอิเล็กทรอนิกส์ 10 ใบ, คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค 2 เครื่อง, สายเชื่อมต่อข้อมูลสกิมเมอร์ 7 สาย และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในการกระทำความผิด โดยในกรณีนี้ยังไม่มีมูลค่าความเสียหาย เนื่องจากสามารถจับกุมได้ก่อนที่คนร้ายจะคัดลอกข้อมูลนำไปเบิกเงิน
หลังจากวันที่ 12 มิถุนายน 2560 ตำรวจสามารถจับกุมตัวนายจง ฟู่ หัว ได้ที่บริเวณหน้าตู้ ATM ของธนาคารไทย พาณิชย์ ทางเชื่อมรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีห้างเซ็นทรัลพระราม 9 เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร ขณะที่นายจง ฟู่ หัว กำลังเก็บอุปกรณ์เครื่องคัดลอกข้อมูลและกล้องวิดีโอขนาดเล็ก โดยจับกุมตัวได้พร้อมของกลาง
จากนั้นได้สืบสวนขยายผลจนสามารถจับกุมตัวผู้ร่วมขบวนการที่เหลือได้อีก 2 คน คือ นายหลิว หลี่ หมิง และนายจู ว่าน หลง ขณะที่ที่ผู้ถูกจับกุมทั้ง 2 คนกำลังจะหลบหนีขึ้นรถแท็กซี่บริเวณหน้าอาคารไนซ์ แมนชั่น ซอยประชาราษฎร์บำเพ็ญ 20 แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพ
จากการสอบสวนนายจง ฟู่ หัว ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยระบุว่า เดินทางเข้าประเทศไทยเป็นครั้งแรก และพักอาศัยกับนายจู ว่าน หลง ที่ไนซ์ แมนชั่น ห้อง 821 และทำหน้าที่เดินเก็บเครื่องคัดลอกบัตรอิเล็กทรอนิกส์ และกล้องวีดิโอขนาดเล็ก ที่ติดตั้งไว้ที่ตู้ ATM ขณะจับกุม กลับไปยังห้องพัก โดยมีนายซ่ง เลี่ยง หมิง สัญชาติจีน ที่หลบหนีไปแล้ว เป็นผู้ชักชวน และเป็นหัวหน้าขบวนการ
ส่วนนายหลิว หลี่ หมิง ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ว่าได้เดินทางเข้ามายังประเทศไทย พร้อมกับนายซ่ง เลี่ยง หมิง ที่หลบหนีไปแล้ว และพักอยู่ด้วยกันที่ไนซ์ แมนชั่น ห้อง 823 โดยมีหน้าที่นำอุปกรณ์ไปติดตั้งที่ตู้ ATM สำหรับนายจู ว่าน หลง ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดใดเพียงแต่เดินทางมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทยเท่านั้น โดยพักอยู่ที่เดียวกับนายจง ฟู่ หัว
ตำรวจได้ทำการตรวจสอบหนังสือเดินทางของผู้ถูกจับกุมทั้ง 3 คน เบื้องต้นว่าได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรไทยอย่างถูกต้องตามกฏหมาย จึงควบคุมตัวผู้ถูกจับกุมทั้ง 3 คนพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนสน. ห้วยขวาง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา "ร่วมกันมีเครื่องมือหรือวัตถุสำหรับให้ได้ข้อมูลในการปลอมหรือแปลง หรือมีเครื่องมือ หรือ วัตถุเช่นว่านั้น เพื่อใช้หรือได้ให้ข้อมูลในการปลอมหรือแปลง (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 269/2)
นอกจากนี้ตำรวจยังมีหลักฐานเชื่อมโยงว่ากลุ่มคนร้ายกลุ่มนี้ยังได้ก่อเหตุในลักษณะเดียวกันอีกหลายจุดในพื้นที่กรุงเทพมหานครเช่น ห้างเทอมินอล 21 และในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และน่าจะมีผู้ร่วมขบวนการรายอื่นๆ ที่ยังหลบหนีอยู่โดยจะทำการสืบสวนสอบสวน และประสานงานกับเจ้าหน้าที่ธนาคารเพื่อดำเนินการจับกุมกลุ่มคนร้าย โดยเฉพาะนายซ่ง เลี่ยง หมิง สัญชาติจีน ที่หลบหนีไปแล้ว และเป็นหัวหน้าขบวนการ
พลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ ระบุอีกว่า ได้ประสานกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ให้ตรวจสอบข้อมูลการเดินทางของผู้เข้าร่วมขบวนการทั้งหมด โดยเฉพาะนายซ่ง เลี่ยง หมิง ที่กำลังหลบหนี โดยส่งข้อมูลให้ ตม. ตรวจจับแล้ว จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า นายซ่ง เลี่ยง หมิง ได้ซื้อตั๋วเครื่องบิน เพื่อเดินทางกลับจีน เมื่อวานนี้ แต่ไม่ได้เดินทาง
ด้านนายพงษ์สิทธิ์ ชัยฉัตรพรสุข รองผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายป้องกันอาชญากรรมทางการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ ระบุว่า จากข้อมูล พบว่าประเทศไทย เป็นประเทศที่มีการก่ออาชญากรรมในลักษณะดังกล่าวเป็นอันดับ 6 ของโลก โดยกรณีนี้ถือว่ามีความเสียหายหนักที่สุด ทั้งเงินและชื่อเสียงของประเทศ ที่ไม่สามารถประเมินค่าได้ โดยหลังการจับกุม ยังไม่พบมูลค่าความเสียหาย เนื่องจากตำรวจสามารถจับกุมและยึดเครื่อง Skimmer ได้ก่อนที่คนร้ายจะกลับจีน จากข้อมูล กลุ่มคนร้ายสามารถได้ข้อมูลบัตรอิเล็กทรอนิกส์กว่า 200 ใบต่อวัน และสามารถทำได้ทุกธนาคาร ตัวเงินเกินหลัก 10 ล้านบาท และเมื่อได้ข้อมูลแล้ว สามารถนำไปกดเงินได้ทุกประเทศทั่วโลก
นายพงษ์สิทธิ์ ขอประชาชนอย่าเป็นกังวล เจ้าหน้าที่ธนาคารจะทำการตรวจสอบข้อมูลการใช้เงิน หากพบว่าผิดปกติ จะระงับและตรวจสอบทันที หากเกิดความเสียหาย ธนาคารจะดูแลในส่วนนี้ให้ และแม้ว่าจะมีวิธีการป้องกันเบื้องต้น แบบใช้มือป้องเวลากดรหัส แต่คนร้ายก็ยังสามารถขโมยข้อมูลด้วยวิธีอื่นได้