คมนาคมเชื่อปลดธงแดงสายการบินได้ตามกำหนด/ข้าวราคาดีวันนี้เปิดประมูลอีกเกือบ3ล้านตัน

13 มิถุนายน 2560, 08:17น.


นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม มอบใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศใหม่ (AOC) ให้สายการบินนกสกู๊ตและสายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ ซึ่งเป็นสายการบินลำดับที่ 4 และ 5 ที่ได้รับใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศใหม่จาก สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) และถือว่าเป็นสายการบินโลว์คอสต์ตัวแทนของไทย ที่แข่งขันกับสายการบินต่างประเทศ และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้เดินทางทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศเติบโตตามไปด้วย และทุกสายการบินต้องถูกติดตามเพื่อตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง โดยภายในเดือนนี้ จะยื่นเรื่องอย่างเป็นทางการให้องค์การบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization หรือ ICAO) เข้ามาตรวจสอบ คาดว่าจะภายในเดือนกันยายนนี้จะให้ใบรับรองเพิ่มอีก จากนั้นจะสามารถยื่นเรื่องให้ ICAO มาตรวจสอบ ICVM (ICAO Coordinated Validation Mission) เพื่อขอปลดธงแดงได้ภายในเวลาที่กำหนด คือ สิ้นเดือนมิถุนายนนี้



เมื่อวานนี้มีการประชุม บริหารจัดการข้าว (นบข.) ที่มี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุม ซึ่งเป็นการรับทราบสถานการณ์ราคาข้าวไทยที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีสัญญาณที่ดีไปจนถึงสิ้นปี สอดรับกับตลาดโลก เนื่องจากปริมาณการผลิตข้าวในหลายประเทศลดลงจากสภาพภูมิอากาศ และการระบายสต๊อกข้าวของรัฐบาลที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ช่วยลดแรงกดทับราคาต่อตลาดข้าวให้หายไป โดยสต๊อกข้าวคงเหลืออยู่เพียง 2 ล้าน 9 แสน 4 หมื่นตัน คาดว่าจะระบายได้ทั้งหมดภายในเดือนสิงหาคมหรือกันยายนนี้



นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ได้สรุปผลการบริหารจัดการและแก้ไขปัญหาข้าวในช่วง 3 ปีที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เข้ามาบริหารประเทศ โดยสามารถแก้ไขปัญหาที่ตกค้างมาจากโครงการรับจำนำข้าว และได้วางระบบการดูแลราคาข้าวเปลือกใหม่ ส่งผลให้ราคาตลาดข้าวในประเทศมีเสถียรภาพผลกระทบน้อยกว่าเมื่อเทียบกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยไม่บิดเบือนกลไกตลาด ส่วนการระบายสต๊อกข้าวที่เป็นภาระตกค้างมากว่า 18 ล้านตัน ตั้งแต่ วันที่ 22 พ.ค. 2557-5 มิ.ย. 2560 สามารถระบายได้ปริมาณ 13 ล้าน 8 แสน 9 หมื่นตัน มูลค่า 129,825 ล้านบาท และหากระบายได้หมด จะทำให้วงจรและกลไกตลาดข้าวกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ปัญหาสต๊อกข้าวของรัฐกดทับตลาดก็จะหมดลง ซึ่งจะส่งผลให้ราคาข้าวเปลือกดีขึ้นและทำให้ชาวนามีรายได้เพิ่มมากขึ้น



และในวันนี้ นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ จะเปิดประมูลขายสต๊อกข้าวจากโครงการรับจำนำข้าว 2 ล้าน 9 แสน 4 หมื่นตัน



ด้านสมาคมผู้ประกอบการรถนำเข้า จะยื่นหนังสือขอเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาการจัดเก็บภาษีการนำเข้ารถยนต์ เพื่อความความชัดเจนในการเสียภาษี พร้อมทั้งแถลงข่าว ที่กระทรวงการคลัง



กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กระทรวงการคลัง ร่วมกับตัวแทนภาคเอกชน ร่วมการหารือแนวทางการลดหย่อนภาษีให้กับภาคเอกชนที่ให้การสนับสนุนการจัดการศึกษา นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า คลังมีแนวคิดที่จะขยายให้ภาคเอกชน อาจขอลดหย่อนภาษี ได้ถึงร้อยละ 17 ในอนาคตเพื่อให้ภาคเอกชนมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเข้าสู่โรงเรียนโดยตรงมากขึ้น



ส่วนข่าวอาชญากรรม



ความคืบหน้าคดีคนร้ายลอบวางระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เชื่อมั่นว่าจะได้ตัวผู้ก่อเหตุ และกล่าวว่า ไม่ได้เป็นเรื่องภายในโรงพยาบาลอย่างที่มีการตั้งข้อสงสัยกัน



ด้านชุดสืบสวนสอบสวนคดีระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงยังคงลงพื้นที่ตรวจสอบหาพยานหลักฐาน โดยเฉพาะพยานบุคคล และมีการเชิญตัวบุคคลที่คาดว่าจะเกี่ยวข้องกับคดีระเบิดในช่วงระหว่างปี 2551-2553 มาสอบถามเพื่อหาความเชื่อมโยงก่อนที่จะปล่อยตัวกลับไป



ส่วนคดีฆาตกรรมสามเณรปลื้ม หรือนาย ศุภโชค เอกเกียรติกุล อายุ 17 ปี ที่จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งต่อมา ตำรวจจับกุมผู้ต้องหา 3 คน ประกอบด้วย นายเด่นชัย ภูมินิยม หรือ พระเด่น อายุ 36 ปี นายสุริยา (ขอสงวนนามสกุล) หรือ สามเณรสุริยา อายุ 18 ปี และ น.ส.ปิยฉัตร อรุณสกุล หรือสีกาบิว อายุ 40 ปี ภรรยาของนายเด่นชัย จากนั้น ตำรวจได้จับกุมนายนที หรือ เบนซ์ ศรีดอน อายุ 24 ปี ผู้ต้องหารายที่ 4 และยังเหลืออีกคนคือ นายคิงส์ อายุ 17 ปี ที่ยังอยู่ระหว่างการหลบหนี เมื่อวานนี้ พนักงานสอบสวนได้เดินทางไปที่เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับ น.ส.ปิยฉัตร คือเป็นผู้ใช้ จ้างวาน สนับสนุนการฆาตกรรมสามเณรปลื้มอีก 1 ข้อหา หลังจากสอบสวนพบพฤติกรรมสั่งการก่อให้เกิดการฆาตกรรม ส่วนคดียักยอกนั้นทางเจ้าอาวาสรูปใหม่ขอเวลาอีก 2 วันเพื่อรวบรวมความชัดเจน จากนั้นจะมอบอำนาจให้ผู้แทนเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ จึงจะสามารถเดินหน้าคดียักยอกทรัพย์ได้ทันที หากไม่มีการแจ้งความในส่วนนี้จะไม่สามารถดำเนินคดีได้



นอกจากนี้ยังมีกรณีกองบังคับการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) การตรวจสอบการทุจริตภายใน สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เกี่ยวข้องกับการยักยอกเงินบูรณะและปฏิสังขรณ์วัด ซึ่งตั้งแต่ปี 2555-2559 พบการกระทำผิด 12 วัด ในพื้นที่ 5 จังหวัด ประกอบด้วย ลำปาง เพชรบุรี อำนาจเจริญ ลำพูน และพระนครศรีอยุธยา มูลค่าความเสียหายกว่า 60 ล้านบาท มีผู้ต้องหา 2 คนมารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ซึ่งทาง ป.ป.ป.จะส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการพิจารณาชี้มูลความผิดตามมาตรา 89/2 เนื่องจากเป็นข้าราชการสูงกว่าระดับ 8



..

ข่าวทั้งหมด

X