คสช.กำชับเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย/ตร.เกาหลีใต้จับแรงงานไทยขายเมทแอมเฟตามีน

12 มิถุนายน 2560, 12:26น.


ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า พล.อ. เฉลิมชัย สิทธิสาท เลขาธิการ คสช.เป็นประธานการประชุมสำนักเลขาธิการคสช. โดยกำชับให้ทุกหน่วยงานดำเนินการตามบัญชาของนายกรัฐมนตรี ในเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ที่รับผิดชอบ เพื่อป้องปรามการก่อเหตุอันไม่พึงประสงค์และดูแลประชาชนให้มีความรัดกุมที่สุด เร่งจัดระบบเพื่อสร้างความร่วมมือกับประชาชนในการเฝ้าระวัง ส่วนเรื่องการกวาดล้างอาวุธสงคราม ยังคงเป็นเรื่องที่กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) จะต้องเร่งดำเนินการในทุกพื้นที่



ส่วนเรื่องการสร้างความสามัคคีปรองดอง พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการจัดทำข้อเสนอกระบวนการเพื่อความสามัคคีปรองดอง เป็นประธานการประชุม เพื่อรวบรวมข้อมูลจากคณะอนุกรรมการชุดที่ 2 ทั้ง 10 ประเด็น อาทิ ด้านความเหลื่อมล้ำ, กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม การป้องกันการทุจริตคอรัปชั่น, รวมถึงการเมือง ก่อนที่จะมีการประชุมนัดสุดท้ายในวันที่ 15 มิถุนายนนี้ หลังจากนั้นจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการเตรียมการสร้างความสามัคคีปองดอง ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นรองประธาน ในวันจันทร์ที่ 19 มิถุนายนนี้ พร้อมให้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรจัดเวทีสาธารณะ 4 กองทัพภาค นำข้อมูลที่ได้ลงพื้นที่อีกครั้ง นำเสนอก่อนจะนำเสนอข้อมูลทั้งหมดข้อมูลทั้งหมดให้คณะกรรมการบริหารราช แผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศยุทธศาสตร์ชาติ (ป.ย.ป.) ซึ่งกระบวนการทั้งหมดจะเสร็จสิ้นภายในเดือนมิถุนายนนี้ ตามโรดแมปของรัฐบาล



ตามที่ประเทศไทยในฐานะรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ค.ศ.2003 ของสหประชาชาติ เข้ารับการประเมินตามกลไกของอนุสัญญา โดยการประเมินจะเน้นในเรื่องการกำหนดฐานความผิดที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตไว้ในกฎหมายภายใน การบังคับใช้กฎหมายและความร่วมมือระหว่างประเทศ นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่าผลการประเมินในภาพรวมออกมาเป็นที่น่าพอใจ และอยู่ในระดับที่ดี โดยรายงานผลต่อที่ประชุมสหประชาชาติเรียบร้อยแล้ว ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผลการประเมินของประเทศไทยอยู่ในระดับที่ดีมาจากการแก้ไข พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ที่มีระบุให้ริบทรัพย์ตามมูลค่า การกำหนดให้อายุความสะดุดหยุดลงในกรณีที่ผู้กระทำความผิดหลบหนี ความรับผิดของนิติบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการให้สินบนเจ้าหน้าที่รัฐ เป็นต้น

นอกจากนี้ การประเมินตามพันธกรณีของอนุสัญญา ยังส่งผลให้นานาชาติเห็นถึงเจตจำนงของรัฐบาลไทยและสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่มุ่งมั่นและให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาการทุจริต แต่ชี้ให้เห็นว่าประเทศไทยจำเป็นต้องมีการแก้ไขกฎหมายภายในบางประการเพิ่มเติม เพื่อให้การป้องกันและปราบปรามการทุจริตมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และเพื่อเตรียมการสำหรับการประเมินในรอบที่ 2 ซึ่งเริ่มขึ้นในเดือนมิถุนายนนี้ มีจุดเน้นเรื่องการติดตามทรัพย์สินในคดีทุจริตกลับคืนสู่รัฐ



เวบไซต์ โคเรีย ไทมส์ รายงานว่า สำนักงานตำรวจควังจู จับกุมแรงงานไทย 4 คน กระทำความผิดฐานขายเมทแอมเฟตามีน 13 กรัม คิดเป็นเงิน 13 ล้านวอน (ประมาณ 4 แสนบาทเศษ) ให้กับลูกค้าในสถานบริการนวด โดยติดต่อซื้อขายผ่านทางแอพพลิเคชั่นสนทนาเมื่อเดือนเมษายน ซึ่งตำรวจตั้งข้อสงสัยว่า คนไทยทั้ง 4 คนนี้เสพยาเสพติด และยังมีผู้ที่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดด้วย



ข่าวต่างประเทศ ความคืบหน้าเหตุคนขับรถพุ่งเข้าใส่ผู้คนนอกสถานีรถไฟใจกลางกรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 10 มิถุนายนที่ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 8 คน โดยมีอาการสาหัส 2 คน ตำรวจระบุว่า เป็นอุบัติเหตุ ไม่ใช่การก่อการร้ายแต่อย่างใด โดยสื่อในเนเธอร์แลนด์รายงานว่า เหตุเกิดขึ้นเมื่อตำรวจจะเข้าไปตรวจสอบรถที่จอดอยู่ในพื้นที่ห้ามจอด คนขับรถจึงเหยียบคันเร่งเพื่อหลบหนี แล้วพุ่งชนกำแพง



..

ข่าวทั้งหมด

X