*รษก.ผอ.การท่าเรือ รับมีเรียกรับสินบนจริง เร่งหาตัวคนผิด ปรับระบบสู้*

หลัง กลุ่มผู้ประกอบการนำเข้า-ส่งออกสินค้า ในนามสมาพันธ์ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ไทย ร้องเรียนการถูกเก็บเงินนอกระบบ หรือการเก็บส่วย ในเขตศุลกากรการท่าเรือกรุงเทพ มูลค่า400-500ล้านบาทต่อปี

เรือเอก อิทธิชัย สุพรรณกูล รองผู้อำนวยการกทท. รักษาการผู้อำนวยการกทท. เปิดเผยว่า เรื่องร้องเรียนดังกล่าวเชื่อว่ามีมูลความจริง แต่ยอมรับว่าปัจจุบันยังไม่สามารถพิสูจน์หาผู้กระทำผิดมาลงโทษได้ และไม่ขอให้ความสำคัญกับการย้อนไปหาต้นตอเพราะเป็นเพียงส่วนน้อย แต่การท่าเรือแห่งประเทศไทย จะเน้นหาป้องกันและแก้ไขไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต

ขณะที่ เรือตรี ทรงธรรม จันทประสิทธิ์ ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ กล่าวว่า การท่าเรือกรุงเทพ หรือท่าเรือคลองเตย มีนโยบายการป้องกันและแก้ไขเรื่องการรับเงินนอกระบบตั้งแต่ปี2540 และหลังจากมีเรื่องร้องเรียนดังกล่าว ได้กำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขไว้3ระยะ คือ ระยะสั้นกำหนดสายด่วนในเวลาราชการร้องเรียนที่เบอร์.02-269-5911-2  ระยะกลางนำระบบกล้องCCTVมาใช้ในการตรวจสอบ รวมถึงปรับปรุงการลงโทษอย่างจริงจัง และระยะยาวปรับปรุงกระบวนการทำงานตามแผนแม่บท เช่น การใช้ระบบICT และการชำระเงินผ่านWebSevice รวมถึงการกำหนดมาตรฐานการปฏิบัติงานของระยะเวลาส่งมอบและรับมอบสินค้าการปฏิบัติงานเรือให้ได้ตามกรอบเวลาที่กำหนด เพื่อป้องกันการกลั่นแกล้งอันเป็นช่องว่างของการเรียกเก็บส่วย

ยืนยันว่า หากสอบสวนและพบผู้กระทำความผิดจริง จะมีการลงโทษทางวินัยสถานหนักทั้งพนักงานและผู้บังคับบัญชา ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยมีกรณีที่จับได้และให้ออกแล้วเช่นกัน อย่างไรก็ตามเชื่อว่าพนักงานการท่าเรือทุกคนรักในองค์กร และองค์กรก็มีสวัสดิการที่ดีสำหรับพนักงาน อย่างเช่นในปีที่ผ่านมามีโบนัสให้พนักงาน4เดือน เบี้ยขยัน2เดือน และยังมีสวัสดิการอื่นอีกทั้งด้านการรักษาพยาบาลและครอบครัวด้วย

สำหรับสมาพันธ์ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ไทย ยืนยันไม่มีเจตนาทำให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยเสื่อมเสีย เพราะเชื่อว่าผู้กระทำความผิดน่าจะเป็นคนกลุ่มน้อยเท่านั้น แต่เพียงต้องการสะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้นจริงเพื่อให้ได้รับการแก้ไข เพราะที่ผ่านมาก็มีการร้องเรียนมาร่วม10ปี ทั้งนี้ได้ยื่นข้อเสนอ11ข้อในการช่วยกันแก้ปัญหา เช่นการลดขั้นตอนการพบกันระหว่างบุคคลต่อบุคคลให้ได้มากที่สุด โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาดำเนินการ ทั้งนี้ มั่นใจว่าเมื่อกทท.มีนโยบายจริงจังในการแก้ปัญหา ก็ไม่น่าจะเกิดปัญหาขึ้นอีก ส่วนเรื่องในอดีตก็ไม่ติดใจเอาความ

อภิสุข /ภาพข่าว