พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวในการประชุม คสช.ครั้งที่ 8/2557 สั่งการให้แต่ละส่วนงานของ คสช.สรุปประเมินผลการดำเนินงานทุกรอบ 3 เดือน เพื่อเตรียมการทำงานฟื้นฟูประเทศทุกด้านในระยะยาว โดยงานด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม รวมถึงงานด้านความมั่นคง มีความสำคัญมาก และ คสช.จะศึกษารายละเอียดของรัฐธรรมนูญชั่วคราวให้ดีที่สุด เพื่อวางกรอบแนวทางในการบริหารราชการแผ่นดินต่อไป ซึ่งจากภาพรวมการทำงานของ คสช. ที่กำลังเข้าสู่ระยะที่ 2 เป็นเรื่องของการตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อสรรหานายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ซึ่งเชื่อว่าจะมีรัฐมนตรีเข้าบริหารประเทศในเดือนกันยายนนี้อย่างแน่นอน ส่วนการพิจารณาคัดสรรข้าราชการในแต่ละกระทรวงในช่วงนี้ ขอให้ส่งเข้ามาพิจารณาตามขั้นตอน และจะต้องให้คณะรัฐมนตรีที่จะเข้ามาบริหารประเทศพิจารณาอีกครั้ง
โดยในช่วงเช้าวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานการประชุมคสช.ชุดใหญ่ และสั่งการให้ดำเนินการติดตามเร่งรัดช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน และร้องเรียนผ่านคสช.กว่า 20,000 เรื่อง และสามารถแก้ไขไปแล้วกว่า 10,000 เรื่อง
ส่วนที่กระทรวงมหาดไทย นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่าการทำงานในช่วง 2 เดือนมานี้ กระทรวงมหาดไทยได้รับภารกิจด้านความมั่นคง ซึ่งประสบความสำเร็จทั้งเรื่องแรงงานต่างด้าว การตรวจอาวุธสงคราม รวมทั้งการสร้างความปรองดองและสมานฉันท์ และจะเร่งดำเนินการเรื่องยาเสพติดต่อไป โดยเฉพาะการติดตามผู้เข้าบำบัดรักษา ส่วนความคืบหน้า เรื่องศูนย์ดำรงธรรมขณะนี้มีรายงานผลการเปิดศูนย์ดำรงธรรมแล้ว 46 จังหวัด โดยจะเป็นที่ประชาชนร้องทุกข์ รับทราบข้อมูล และรับบริการต่างๆ หรืออนุญาตอนุมัติในบางเรื่องและส่งต่อเรื่องไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบ
ขณะที่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เป็นประธานการประชุมคสช.ชุดใหญ่ และได้มีการสั่งการให้ดำเนินการติดตามเร่งรัดเหลือประชาชนที่เดือดร้อน ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการร้องเรียนผ่านคสช.กว่า 20,000 เรื่อง โดยล่าสุด คสช. ได้แก้ไขให้ประชาชนที่เดือดร้อนไปแล้วกว่า 10,000 เรื่อง เหลืออีกพียง 2,000-3,000 เรื่อง ก็ต้องเร่งดำเนินการแก้ไขให้ อย่างไรก็ตามพร้อมยืนยันคสช.ใช้หลักในการแก้ไขปัญหาด้วยเหตุและผลเพื่อบรรเทาผลกระทบ.