การชี้แจงร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายปี2561 โดยสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือสนช. ได้อภิปรายเห็นด้วย ร่างพ.ร.บ.บัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2561 ที่รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณโดยคำนึงถึงการพัฒนายุทธศาสตร์ชาติทั้ง 6 ด้าน โดยเฉพาะด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพคน เนื่องจากคนเป็นทุนที่สำคัญที่สุด หากพัฒนาได้ตามเป้าหมาย เชื่อว่า การพัฒนาประเทศจะสำเร็จลุล่วง ทั้งนี้การพัฒนาคนจำเป็นต้องกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน เพื่อได้คนที่พึงประสงค์ ซึ่งอาจใช้มาตรา 6 ของ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 ในการกำหนดเป้าหมายพัฒนาคนให้สมบูรณ์ ทั้งพร้อมเสนอแนะให้รัฐบาลจัดให้มีการปฏิรูปศาสนาเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับงบประมาณที่รัฐบาลได้จัดสรรงบช่วยเหลือและเงินกู้ในโครงการต่างๆ ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) แต่พบว่า งบประมาณนั้นๆ ไม่ถึงมือเกษตรกร ต้องการให้รัฐบาลเข้าตรวจสอบและแก้ไข
ด้านพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงงบประมานปี 2561 ของกระทรวงกลาโหมว่า มีจำนวน 222,436 ล้านบาท เศษซึ่งเพิ่มขึ้นกว่าปีที่แล้วร้อยละ 4.16 โดยกระทรวงกลาโหมได้ทำแผนงานใหม่เพื่อรองรับการปรับโครงสร้างใหม่ของร่างพ.ร.บ.งบประมานปี 2560 โดยเป็นแผนงานจัดการด้านบุคลากรภาครัฐ ซึ่งใช้งบประมาณร้อยละ 47 นอกจากนั้นเป็นแผนงานพื้นฐานด้านความมั่นคง ด้านยุทธศาสตร์ ยืนยันว่ากระทรวงกลาโหมจะใช้งบประมาณให้มีประสิทธิภาพอย่างเต็มที่ ส่วนเรื่องการจัดหายุทโธปกรณ์กระทรวงกลาโหมจะจัดหาตามความจำเป็น ตามแผนพัฒนากองทัพ ทดแทนของเดิมที่หมดอายุการใช้งาน และจำเป็นต้องใช้เพื่อให้กองทัพ ศักยภาพที่ทัดเทียมมิตรประเทศประเทศได้
นายสุธี มากบุญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ชี้แจงถึงการใช้งบประมาณของกระทรวงมหาดไทยว่า จะมีการนำไปพัฒนาในหลายๆด้านทั้งเรื่องการกระจายรายได้ไปสู่ท้องถิ่นฐานเพิ่มรายได้ให้แก่ครัวเรือนผ่านการจำหน่ายสินค้าโอทอป ส่วนการขยายตัว โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ในส่วนกระทรวงมหาดไทย เตรียมงบประมาณในการวางผังเมืองใน 3 จังหวัด เพื่อรองรับนโยบายดังกล่าว ซึ่งปี 2561 มีการวางโครงการถนนเลียบชายฝั่ง โครงการต่างๆเพื่ออำนวยความสะดวกในการพัฒนา โครงสร้างพื้นฐาน โดยเน้นย้ำการพัฒนาเมือง และ ระบบน้ำ
ด้านพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่างบประมาณของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะนำไปใช้ในการดำเนินงาน ศูนย์เพิ่มประสิทธิภาพทางการเกษตรที่มี 882 ศูนย์ทั่วประเทศ เพื่อมุ่งสู่เกษตรแปลงใหญ่ ซึ่งผลิตภัณฑ์มวลรวมภาคการเกษตรเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2558 การพัฒนาเกษตรอินทรีย์ ตั้งเป้าภายใน 5 ปี เพิ่มพื้นที่การเกษตร สร้างเกษตรกรรุ่นใหม่ เรื่องการบริหารจัดการน้ำได้จัดทำแผนระยะยาวเพื่อให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ การยกระดับมาตรฐานสินค้าเกษตร ทั้งสินค้าเกษตรอินทรีย์และสินค้าเกษตรปลอดภัย