เกษตรกร จ.จันทบุรี รอน้ำจากโครงการพัฒนาแหล่งน้ำในลุ่มน้ำคลองวังโตนด ใช้ช่วงหน้าแล้ง

07 มิถุนายน 2560, 14:42น.


หลังจากที่กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำคลองประแกด ตำบลขุนช่อง อำเภอแก่งหางแมว จังหวัดจันทบุรี นายวิเชียร งามระเบียบ ชาวบ้าน อ.ท่าใหม่ ผู้ได้รับประโยชน์จากอ่างเก็บน้ำ เล่าว่า แม้จังหวัดจันทบุรี จะเป็นจังหวัดที่มีปริมาณน้ำมากในอันดับต้นๆ ของประเทศ แต่สำหรับเกษตรกรในพื้นที่ตอนล่างของคลองวังโตนด กลับไม่ได้รับน้ำอย่างเพียงพอ ช่วงเดือน เม.ย-พ.ค. ซึ่งเป็นหน้าแล้ง ชาวบ้านในพื้นที่ ที่ได้ใช้น้ำจากฝายบ้านหินดาด จะได้รับความเดือดร้อน เนื่องจาก ฝายที่กักเก็บน้ำแห้ง ขาดน้ำที่จะใช้ในการเพาะปลูกผลไม้ ต้องใช้วิธีการเจาะน้ำบาดาล แต่ก็ไม่เพียงพอ จำเป็นต้องซื้อน้ำ จากที่อื่นเข้ามาช่วย ในราคารอบละ 1,500-1,600 บาท ซึ่งจะสามารถรดน้ำต้นไม้ได้ประมาณ 5-10 ต้น มีระยะเวลาอยู่ 4 วัน ก็ต้องสั่งน้ำมาใหม่เพื่อไม่ให้พืชผลทางการเกษตรที่ปลูกไว้ได้รับความเสียหาย





ทั้งนี้ ชาวบ้านได้ช่วยกันสร้างฝายกั้นน้ำขึ้น เพื่อจะกักเก็บน้ำไว้ใช้ในหน้าแล้ง แต่ก็จะมีระยะเวลาเก็บน้ำได้เพียง 70 วันเท่านั้น กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงเข้ามาพร้อมกับโครงการพัฒนาแหล่งน้ำในลุ่มน้ำคลองวังโตนด ที่จะสร้างอ่างเก็บน้ำใหม่ 4 แห่ง ช่วยกักเก็บน้ำให้ชาวบ้านได้ในหน้าแล้ง ซึ่งดีใจมากและคิดว่าเมื่ออ่างเก็บน้ำเสร็จ จะเป็นประโยชน์กับชาวบ้าน เพราะทุกคนต่างต้องการน้ำมาทำการเกษตร ซึ่งเฉพาะในบริเวณใกล้เคียงนี้ก็จะได้รับน้ำกว่าแสนไร่





สำหรับในพื้นที่คลองวังโตนดตอนล่าง ชาวบ้านเน้นปลูกผลไม้ประเภท เงาะ ทุเรียน มังคุด ซึ่งนายวิเชียร กล่าวว่า สำหรับตัวเองจะเน้นการปลูกผลไม้ที่เป็นที่ต้องการของต่างประเทศ เพื่อนำส่งออกมากกว่าเน้นปลูกผลไม้ที่ตลาดในประเทศต้องการ เนื่องจาก จะมีรายได้ที่สูงกว่า แต่หากขาดน้ำเพียง 10 วันพืชผลทางการเกษตรจะเสียหายทั้งหมด และต้องใช้เวลา 5-6 ปีในการปลูกใหม่เพื่อให้ผลผลิตออกมาส่งขายได้ โดยเฉลี่ยสร้างรายได้ต้นละ 15,000 บาท ซึ่งในพื้นที่ 1 ไร่ สามารถทำรายได้ได้เกือบแสนบาท ยอมรับว่าในปีนี้สภาพอากาศค่อนข้างดีมีฝนตกระยะยาว ทำให้พืชผลทางการเกษตร ออกผลผลิตนานกว่าปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะทุเรียนที่ในปีนี้ได้รับความนิยมจากตลาดในและต่างประเทศ ปกติจะออกผลผลิตเพียง 30 วัน แต่ในปีนี้ทุเรียนให้ผลผลิตถึง 120 วันเป็นผลดีกับชาวสวน ทั้งนี้หากมีน้ำในเดือนเมษายน ก็จะสามารถปลูกผลไม้ได้ทุกชนิด ขอให้มีน้ำเท่านั้น เพราะน้ำเป็นสิ่งสำคัญสุด



ผู้สื่อข่าว:เกตุกนก ครองคุ้ม

ข่าวทั้งหมด

X