+++การประชุมคณะอนุกรรมการติดตามวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ นายสัญชัย เกตุวรชัย อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ในช่วงวันที่6-9 มิ.ย.กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่าหย่อมความกดอากาศต่ำมาทางฝั่งอันดามัน ทำให้ในบางพื้นที่ของไทยมีฝนตกหนัก โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคตะวันตก และภาคตะวันออก สั่งการให้สำนักงานชลประทานทุกแห่ง นำเครื่องสูบน้ำไปติดตั้งไว้ล่วงหน้าเพื่อแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงทีที่เป็นบริเวณเกิดน้ำท่วมซ้ำซาก
+++ด้านตะวันตก มีฝนหนัก จ.ตาก จ.แม่ฮ่องสอน ทำให้มีฝนตกเข้าเขื่อนภูมิพล ได้เพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้พื้นที่ลาดชัน อาจเกิดผลกระทบน้ำป่าไหลหลากได้ ได้เน้นย้ำเจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง บูรณาการร่วมกับกระทรวงมหาดไทย แล้วหน่วยงานท้องถิ่น เข้าช่วยเหลือประชาชนและเกษตรกรโดยเร็วที่สุด
+++ด้านนายทองเปลว กองจันทร์ รองอธิบดีกรมชลประทาน สั่งให้นำเครื่องสูบน้ำไปติดตั้งไว้ก่อนในพื้นที่เสี่ยงท่วมเช่น จ.จันทบุรี ระยอง ตราด กำแพงเพชร ศรีษะเกษ สุรินทร์ กาญจนบุรี สำหรับปริมาณฝนต้นฤดู มากกว่าค่าเฉลี่ยทั่วประเทศร้อยละ 36 ส่วนภาคกลางมากกว่าค่าเฉลี่ย ร้อยละ 67 โดยฝนจะทิ้งช่วงปลายเดือนมิ.ย.- ก.ค. และมีดัชนีชี้วัดพบว่าจะเกิดปรากฎการณ์เอลนีโญ ช่วงเดือน ต.ค. ช่วงนี้คาดหวังเก็บน้ำเข้าเขื่อนใหญ่ๆให้มากที่สุด รวมทั้งเขื่อนภาคตะวันออก จึงขอใช้ทุกภาคส่วนน้ำอย่างระมัดระวัง ซึ่งปีนี้ไม่ต้องกังวลเรื่องอุทกภัย เพราะแม่น้ำทุกสาย ยังรับได้อีกร้อยละ 50 พร้อมกับมีแก้มลิง คลองระบาย ต่างๆใช้งานรองรับน้ำได้เต็มที่ แต่ที่ผ่านมาเกิดปัญหาจากน้ำท่วมขัง ระบบคลองที่นำน้ำมาเข้าสู่คลองระบายยังไม่สะดวก เช่น จ.พิษณุโลก มีฝายกั้นไว้ได้ รื้อออกแล้ว ทำให้น้ำไหลสะดวกขึ้น
+++กรณีคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง มีมติเซตซีโร่คณะกรรมการการเลือกตั้ง( กกต.)ทั้งคณะนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวว่า ในฐานะประธานสนช.ต้องวางตัวเป็นกลางคงไม่เหมาะสมหากจะไปวิจารณ์ความเห็นมติของกมธ.หรือความเห็นของผู้สงวนคำแปรญัตติ เพราะขณะนี้กระบวนการทั้งหมดยังไม่สิ้นสุดต้องรอฟังเหตุผลของแต่ละฝ่ายในการประชุม สนช.วันที่ 9 มิ.ย.นี้ โดยมีทั้งที่เสนอให้รีเซตเฉพาะ กกต.ที่มีคุณสมบัติไม่ถูกต้องออกจากตำแหน่ง การให้เซตซีโร่ทั้งหมด และการให้ กกต.ทุกคนอยู่ต่อไปจนครบวาระ ส่วนการเซตซีโร่ กกต.จะขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญหรือไม่เป็นหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ซึ่งมีหลายช่องทางที่นำไปสู่ศาลรัฐธรรมนูญได้ ซึ่งขั้นตอนการยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะนำร่างกฎหมายขึ้นทูลเกล้าฯ สมาชิก สนช.ไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของ สนช.สามารถเข้าชื่อยื่นต่อประธาน สนช.ให้ส่งเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ รวมทั้งถ้ากกต.ไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายดังกล่าว จะต้องตั้ง กมธ.ร่วมมาพิจารณาต่อไป
+++การตรวจสอบขยายผลหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตรวจพบอาวุธสงครามจำนวนมากซุกซ่อนภายในรถทะเบียนตรากงจักรที่ประสบอุบัติเหตุตกถนนใน จ.ตราด เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. พร้อมทั้งสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 3 คน คือ 1.พ.อ.อ.ภคิน เดชพงษ์ อายุ 40 ปี 2.นายพิสิษฐ์ เลียง อายุ 29 ปี สัญชาติกัมพูชา 3.นายจักรพงษ์ ไกรเรือง อายุ 37 ปี พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตราด พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า พ.อ.อ.ภคิน ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า อาวุธสงครามที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดไว้เป็นของตัวเอง ซื้อมาจากประเทศกัมพูชา เตรียมนำไปขายต่อในประเทศเมียนมาร์ซึ่งกระทำการมาแล้ว 3 ครั้งในรอบไม่กี่เดือน ไม่ขอให้เหตุผลที่ลักลอบค้าอาวุธดังกล่าว แต่ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และกระทำการเพียงคนเดียว ส่วนบัตรกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในที่มี ผู้ต้องหาอ้างว่ามีทหารระดับนายพลออกบัตรให้ หลังจากที่เคยไปช่วยงานการข่าวในกรุงเทพฯ สำหรับป้ายทะเบียนตรากงจักร ซื้อป้ายมาจากร้านค้าของเก่าย่านสะพานเหล็กเอามาติดรถเพื่อความสะดวกในการลักลอบขนอาวุธ
+++ส่วนผู้ต้องหาชาวกัมพูชาอีก 2 คน ที่ถูกคุมตัวพร้อมพ.อ.อ.ภคิน ยังคงให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่ทางเจ้าหน้าที่มีพยานหลักฐานมากเพียงพอ ในการเอาผิดกับผู้ต้องหาทั้ง 2 คน เบื้องต้นแจ้งข้อหา ร่วมกันมีอาวุธสงครามที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ พกพาอาวุธสงครามไปในทางสาธารณะ และหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้าอาวุธ กับผู้ต้องหาทั้ง 3 คน นอกจากนี้ สั่งขยายผลออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมทั้งหมดภายในสัปดาห์นี้ เชื่ออาวุธสงครามที่พบในครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับระเบิดที่พบในกรุงเทพฯ เนื่องจากเป็นระเบิดคนละชนิดกัน
+++การปราบปรามยาเสพติด นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พร้อมด้วย นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. สั่งการให้เจ้าหน้าที่ในสังกัด ติดตามจับกุมกลุ่มค้ายาเสพติด ตามโครงการสกัดกั้นยาเสพติดทางท่าอากาศยานสากลในอาเซียน (ASEAN Airport Interdiction Task Force – AAITF) ผู้ต้องหา 3 คน และของกลางโคเคน 12.3 กิโลกรัม ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
+++การจับกุมในครั้งนี้ เนื่องจากเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2560 สำนักงาน ป.ป.ส. ได้รับการประสานการข่าวจากตำรวจเขตปกครองพิเศษฮ่องกงว่า มีนักค้ายาเสพติดลักลอบนำยาเสพติดจากประเทศบราซิลเข้ามาในประเทศไทย เพื่อจะส่งต่อไปยังเขตปกครองพิเศษฮ่องกง เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. ศุลกากร ตำรวจปราบปรามยาเสพติด จึงร่วมกันสะกดรอยติดตามผู้ต้องสงสัยจำนวน 3 คน ขณะที่ผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 คนกำลังจะเดินผ่านจุดตรวจศุลกากร อาคารผู้โดยสารขาเข้า เจ้าหน้าที่ฯ จึงได้เข้าแสดงตัวเพื่อขอตรวจค้นร่างกายและสัมภาระของทั้ง 3 คน ซึ่งเป็นหญิง 2 คน ชาย 1 คน สัญชาติจีนฮ่องกง ทราบชื่อ 1. นางสาวฟง ยี่ ติง (MS.FONG YEE TING) อายุ 19 ปี 2.นางสาวตุง วิง ยาน (MS.TUNG WING YAN) อายุ 22 ปี และ 3.นายหยู คิท หลง (MR.YAU KIT LONG) อายุ 24 ปี และเมื่อเปิดกระเป๋าจึงพบโคเคน จำนวน 3 ชิ้น รวมน้ำหนักทั้งสิ้น 12.3 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ในช่องลับ จึงได้จับกุมและแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ในข้อหา ร่วมกันนำยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคน) เข้ามา ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต
+++จากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 3 คน รับว่า ได้รับการว่าจ้างจากหญิงชาวจีนฮ่องกงอีกคน ชื่อ น.ส.หมิง (ไม่ทราบชื่อสกุลจริง) โดยได้รับค่าจ้างคนละ 8,000 เหรียญดอลล่าร์ฮ่องกง หรือประมาณ 40,000 บาท ให้นำยาเสพติดของกลางจากประเทศบราซิลเข้ามาในประเทศไทย หลังจากนี้จะต้องนำยาเสพติดไปส่งมอบให้ น.ส.หมิง ณ โรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่สุขุมวิท ต่อมาตรวจสอบพบว่า น.ส.หมิง ได้ออกจากโรงแรมดังกล่าวและเดินทางกลับเขตปกครองพิเศษฮ่องกงไปในวันเดียวกันอย่างกระทันหัน เชื่อว่า น.ส.หมิง ไหวตัวและกลัวการถูกจับกุม ชุดจับกุมจึงได้ร่วมกันควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คน มาทำบันทึกจับกุมก่อนนำตัวพร้อมของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนบช.ปส.ต่อไป
+++หุ้นไทยปิดตลาดบ่าย ปรับลดลง 0.75 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,566.85 จุด มูลค่าการซื้อขาย 43,672.90 ล้านบาท
+++การลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีนิเคอิ ตลาดหุ้นโตเกียว ญี่ปุ่น ปิดลบ 6.46 จุด ที่ 20,170.82 จุด ดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆเกือบตลอดวัน โดยนักลงทุนชะลอแรงซื้อ หลังจากตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค.ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด ส่งผลให้เงินเยนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ซึ่งได้ฉุดหุ้นกลุ่มส่งออกร่วงลง กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 138,000 ตำแหน่ง น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่า จะเพิ่มขึ้น 185,00 ตำแหน่ง นักลงทุนจับตาเหตุการณ์ต่างๆที่สำคัญในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงการที่นายเจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการ FBI จะแถลงต่อสภาคองเกรส, การเลือกตั้งทั่วไปของอังกฤษ และการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB)
+++ฮั่งเส่ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 61.06 จุด ปิดวันนี้ที่ 25,862.99 จุด ทั้งนี้ มีกระแสคาดการณ์เพิ่มขึ้นเป็นวงกว้างว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 13-14 มิ.ย.
+++บรรยากาศความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บาห์เรน เยเมน และอียิปต์กล่าวหากาตาร์ว่าสนับสนุนก่อการร้าย ซึ่งเป็นชนวนเหตุความขัดแย้งที่รุนแรงที่สุดในรอบ ประกาศตัดสัมพันธ์กับกาตาร์ ส่งผลให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกวันนี้ปรับตัวขึ้นราวร้อยละ 1 สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้น 48 เซนต์ หรือร้อยละ 1 ไปอยู่ที่ระดับ 50.43 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เช่นเดียวกับสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเพิ่มขึ้น 48 เซนต์ หรือร้อยละ 1 ไปอยู่ที่ระดับ 48.14 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล นักวิเคราะห์ มองว่า ความเสี่ยงด้านการเมืองเชิงภูมิศาสตร์ยังไม่ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันออกอย่างมีนัยสำคัญในขณะนี้ แต่หากความตึงเครียดระหว่างชาติสมาชิกกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน หรือโอเปก ขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ตลาดก็ต้องเริ่มที่จะเฝ้าจับตามอง
+++การตัดความสัมพันธ์ เป็นมาตรการรุนแรงกว่าเมื่อครั้งที่ซาอุดีอาระเบีย บาห์เรน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) เรียกเอกอัครราชทูตกลับจากกาตาร์เมื่อปี 2557 ด้วยข้อหาสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธ รอยร้าวครั้งนั้นกินเวลานาน 8 เดือน แต่ไม่มีการปิดพรมแดนและไม่ได้ขับชาวกาตาร์ออกนอกประเทศ ความขัดแย้งในครั้งนี้อาจกระทบต่อการที่กาตาร์กำลังเตรียมตัวจะเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกปี 2022 นักวิเคราะห์ตั้งข้อสังเกตว่า เรื่องนี้เกิดขึ้น 10 วันหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯไปเยือนซาอุดีอาระเบียเป็นประเทศแรกของการตระเวนเยือนต่างประเทศครั้งแรกในฐานะประธานาธิบดี และได้เรียกร้องชาติมุสลิมร่วมกันต่อต้านกลุ่มสุดโต่ง
+++นายเลอ เลือง มินห์ เลขาธิการสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้(อาเซียน) แถลงต่อที่ประชุมความมั่นคงประจำปี แชงกรีลา-ไดอะล็อก ที่สิงคโปร์ ว่า กลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีแผนใช้เครื่องบินสอดแนมและโดรน สกัดกั้นกลุ่มหัวรุนแรงไม่ให้รุกล้ำพรมแดนเข้ามาในภูมิภาค ท่ามกลางความวิตกว่า กลุ่มไอเอสกำลังขยายอิทธิพลเข้ามาในอาเซียน เจ้าหน้าที่อินโดนีเซีย, มาเลเซียและฟิลิปปินส์ เปิดเผยว่า ประเทศทั้งสามจะดำเนินการลาดตระเวนทางน้ำร่วมกันในเดือนนี้ ที่บริเวณทะเลซูลู นอกเหนือจากพื้นที่อื่นๆ ที่เคยร่วมปฏิบัติการกันมาแล้ว ซึ่งรัฐบาลประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เรียกร้องเพิ่มความร่วมมือ ตอบโต้กลุ่มหัวรุนแรงที่เป็นพันธมิตรกับไอเอส ทางภาคใต้ของฟิลิปปินส์ ส่วนการลาดตระเวณร่วมทางอากาศจะตามมาในเร็วๆ นี้
+++เจ้าหน้าที่กล่าวว่า การลาดตระเวนร่วมของอินโดนีเซีย มาเลเซียและฟิลิปปินส์ ในทะเลซูลู ตั้งแต่เดือนมิ.ย.เป็นต้นไป อาจเป็นจุดเริ่มต้นของความพยายามครั้งใหญ่ของภูมิภาค เพื่อที่จะได้ปลอดภัยจากกลุ่มไอเอส
+++ความคืบหน้าอื่นๆหลังเกิดเหตุโจมตีกรุงลอนดอน อังกฤษ มีคนเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก บีบีซี รายงานอ้างนายซาดิก ข่าน นายกเทศมนตรีกรุงลอนดอนกล่าวว่า รัฐบาลท้องถิ่นจะจัดพิธีสงบนิ่งไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตในเวลา 18.20 น.ตามเวลาท้องถิ่นของวันนี้ หลังเกิดเหตุโจมตีบนสะพานกรุงลอนดอนเมื่อวันเสาร์ที่แล้ว พิธีจัดงานจะจัดขึ้นบริเวณศาลากลางกรุงลอนดอน
+++ส่วนการรณรงค์หาเสียงในอังกฤษเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งในวันนี้ หลังหยุดพักการหาเสียงชั่วคราวหลังเกิดเหตุรุนแรง ส่วนการเลือกตั้งทั่วไปจะมีขึ้นตามกำหนดเดิมคือ 8 มิถุนายนนี้
+++ตำรวจนครบาลกรุงลอนดอน ให้คำแนะนำประชาชนผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กรณีประสบเหตุร้ายเช่นนี้ว่า 3 คำสั้นๆคือ วิ่ง,หลบและโทรแจ้งเหตุด่วนเหตุร้าย คือให้วิ่งหนีออกจากจุดเกิดเหตุ,หากหนีไม่ทัน ให้หลบซ่อนตัว และเมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้ว ให้รีบโทรศัพท์แจ้งให้ตำรวจทราบทันที
+++ด้านนายแอนดรู เธอร์กูด จากองค์กรการกุศลชื่อซิติแซนเอด กล่าวว่า เขาต้องการจะเพิ่มอีกคำหนึ่งไปด้วยคือ วิ่งหนี,หลบซ่อน,โทรแจ้งตำรวจและช่วยปฐมพยาบาลผู้บาดเจ็บ ระบุว่าคนกลุ่มแรกๆที่จะช่วยเหลือผู้บาดเจ็บกรณีเกิดเหตุร้ายคือสมาชิกของชุมชนนั้นๆนั่นเอง
แฟ้มภาพ