จากกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ปิดโชว์รูมบริษัท เอสทีที ออโต้ เซอร์วิส จำกัด เนื่องจากมีรถที่มีการสำแดงเอกสารนำเข้าเท็จจำนวน 34 คัน รวมไปถึงมีรถถูกโจรกรรมจากสหราชอาราจักรรวมอยู่ด้วยนั้น
นายอินทระศักดิ์ เตชธีรสิริ หรือบอย ยูนิตี้ กรรมการบริษัท เอสทีที ออโต้ เซอร์วิส จำกัด เปิดเผยว่าหลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ดีเอสไอปิดโชว์รูมรถยนต์ 2 แห่งที่เป็นของบริษัท คือที่ย่านถนนรัชดา และสุขุมวิท 63 ตั้งแต่วันที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา แต่เป็นการปิดโดยไม่มีหมายศาล ทำให้บริษัทเสียหายนับร้อยล้านบาท และยังส่งกระทบกับผู้บริโภค รวมไปถึงพนักที่ทำงานในโชวว์รูม โดยดีเอสไอระบุเพียงว่ามีรถการสำแดงเอกสารเท็จนำเข้า แต่มีการอายัติรถไว้จำนวน 34 คัน รวมถึงรถของตนเองและรถที่ลูกค้ามาฝากขาย และนำมาซ่อม จึงได้รฟ้องร้องต่อศาลแพ่ง เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน ในข้อหาละเมิด เรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 50 ล้านบาท เนื่องจากดีเอสไอใช้อำนาจหน้าที่ไม่ถูกต้องในการปิดโชว์รูม
ขณะเดียวกันได้มีการนำเอกสารนำเข้ารถจากประเทศต้นทางมาแสดงพร้อมยืนยัน ว่าได้ดำเนินการทุกอย่างถูกต้อง ทั้งเอกสารเลขตัวถัง ใบขนสินค้านำเข้า และเอกสารรับรองการเสียภาษีอย่างชัดเจน
นายอินทระศักดิ์ยังกล่าวถึงกรณีของรถแลมโบกินีสีเขียว ซึ่งดีเอสไอระบุว่าเป็นรถที่โจรกรรมจากอังกฤษ รถคันนี้ เคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามสงสัยว่าเป็นรถที่ถูกโจรกรรมมา จึงได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจอายัติรถยนต์ไว้เป็นเวลา 2 วัน เพื่อตรวจสอบซึ่งหลังการตรวจสอบพบว่าทุกถูกต้องทุกอย่างพร้อมได้ลงบันทึกประจำวันกั บสภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ .2560 ว่าได้ดำเนินการนำเข้าทุกอย่างถูกต้องตามขั้นตอน
นายอินทระศักดิ์ตั้งข้อสังเกตด้วยว่า สาเหตุที่ถูกดำเนินการคดีเพราะเคยมีความขัดแย้งกับผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงยุติธรรม ขณะเดียวกันขอยืนยันด้วยว่าไม่ได้ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร ลักลอบส่งรถออกจากประเทศ
นอกจากนี้ยังได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และหน่วยงานภาครัฐอีก 5 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอความเป็นธรรมด้วย
..
ผสข.ปิยะธิดา เพชรดี