คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ขยายมาตรการลงโทษเกาหลีเหนือ หลังฝ่าฝืนมติของคณะมนตรีความมั่นคงด้วยการทดสอบขีปนาวุธครั้งล่าสุด มาตรการลงโทษดังกล่าวรวมถึงการเพิ่มรายชื่อในบัญชีดำขององค์การสหประชาชาติด้วย ซึ่งนำไปสู่การอายัดทรัพย์สินและการห้ามเดินทางระหว่างประเทศของบุคคลหรือหน่วยงานที่ถูกขึ้นบัญชีดำ ได้แก่ ธนาคารโคริวของเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่จัดการด้านการโอนเงินตราระหว่างประเทศให้กับสำนักงานกองทุนส่วนตัวของผู้นำเกาหลีเหนือ หน่วยขีปนาวุธเชิงยุทธศาสตร์แห่งกองทัพเกาหลีเหนือ และบริษัทอีก 2 แห่ง รวมทั้งขึ้นบัญชีดำบุคคลอีก 14 คน อาทิ นายโช อิล-ยู หัวหน้าสายลับต่างประเทศของเกาหลีเหนือ สมาชิกอาวุโสพรรคแรงงานเกาหลีเหนือ ผู้บริหารบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการระดมทุนให้กับกองทัพเกาหลีเหนือ เป็นต้น
การลงมติขยายมาตรการลงโทษเกาหลีเหนือมีขึ้น หลังการหารือกันระหว่างผู้นำสหรัฐฯ และจีน ซึ่งเป็นพันธมิตรเพียงชาติเดียวของเกาหลีเหนือในคณะมนตรีตวามมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และเป็นมาตรการลงโทษครั้งแรก หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์เข้าดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ และประธานาธิบดีทรัมป์ กำลังกดดันจีนในการเร่งจัดการกับการคุกคามจากเกาหลีเหนือ
นางนิกกี้ ฮาเลย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำองค์การสหประชาชาติ กล่าวภายหลังการลงมติขยายการลงโทษเกาหลีเหนือว่า สหรัฐฯ ยังคงเดินหาแสวงหามาตรการจัดการกับการคุกคามของเกาหลีเหนือด้วยมาตรการทางการทูตอย่างสันติวิธี แต่ก็ได้เตรียมความพร้อมในการเผชิญหน้ากับการคุกคามของเกาหลีเหนือด้วยวิธีการอื่นไว้ด้วย หากว่าตกอยู่ในสถานการณ์จำเป็น นางฮาเลย์ กล่าวว่า คณะมนตรีความมั่นคงกำลังส่งสัญญาณที่ชัดเจนต่อเกาหลีเหนือเพื่อให้เกาหลีเหนือยุติการทดสอบขีปนาวุธนิวเคลียร์
ทีมต่างประเทศ
CR:REUTERS