+++ไทยเลื่อนชั้น นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานศูนย์เพื่อการพัฒนาความสามารถในการแข่งขัน TMA เปิดเผยผลการจัดอันดับความสามารถทางการแข่งขัน ประจำปี 2560 ของสถาบัน IMD World Competitiveness Center พบว่า ประเทศไทยมีคะแนนรวม 80.095 จากปีที่แล้วได้ 74.681 จาก 61 ประเทศ เลื่อนจากอันดับ 28 จากปีก่อน มาอยู่ที่ 27 ในปีนี้ และคะแนนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วง 3 ปี จากปี 2557 คะแนนรวมอยู่ที่ 64.9 สำหรับตัวชี้วัด 4 ด้าน คือ สภาวะทางเศรษฐกิจ มีอันดับดีที่สุด คืออยู่ในอันดับ 10 ขยับขึ้น 3 อันดับจากปีที่แล้ว ส่วนประสิทธิภาพของภาครัฐ อยู่ในอันดับ 20 ดีขึ้น 3 อันดับ ขณะที่ ประสิทธิภาพของภาคธุรกิจ อยู่ในอันดับเดิมคือ 25 และโครงสร้างพื้นฐานยังคงอยู่ในอันดับ 49 เช่นเดิม แต่มีคะแนนเพิ่มขึ้น
+++การที่คะแนนด้านโครงสร้างพื้นฐานได้น้อย เพราะที่ผ่านมา ไทยชะลอการลงทุนด้านนี้ไปนาน เมื่อรัฐบาลนี้มาเร่งดำเนินการต้องใช้เวลาให้เกิดผล และเชื่อว่าโครงการอีอีซีจะมีผลต่อการพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้าในระยะ 5-20 ปีต่อไป เหมือนกับโครงการอีสเทิร์นซีบอร์ดของไทย โดยเฉพาะการพัฒนาด้านเศรษฐกิจดิจิทัล และการส่งเสริมการลงทุนด้านการพัฒนานวัตกรรมและการวิจัยของประเทศ
+++พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พอใจผลการจัดอันดับดังกล่าว รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศเป็นอันดับต้นๆ ด้วยการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศเป็นวาระแห่งชาติ
+++นอกจากนี้ TripAdvisor ซึ่งเป็นเว็บไซต์ด้านการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้ประกาศรายชื่อสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยที่ได้รับรางวัล Travellers Choice เป็น 3 ใน 15 อันดับสถานที่ท่องเที่ยวของเอเชียที่ได้รับความนิยมสูงสุด ได้แก่ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม อยู่ในอันดับที่ 4 พระบรมมหาราชวัง อยู่ในอันดับที่ 9 และวัดพระศรีรัตนศาสดาราม อยู่ในอันดับที่ 14
+++นิตยสารฟอร์บ จัดอันดับ 50 อภิมหาเศรษฐีไทยประจำปี 2560 โดยตระกูลเจียรวนนท์ ยังคงครองอันดับ 1 มูลค่าทรัพย์สิน 7.418 แสนล้านบาท อันดับ 2 ยังคงเป็นนายเจริญ สิริวัฒนภักดี ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 5.313 แสนล้านบาท ตามมาด้วยตระกูลจิราธิวัฒน์ เป็นอันดับ 3 ด้วยมูลค่าทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 18 จากปีก่อนส่งให้มูลค่าทรัพย์สินพุ่งขึ้นแตะ 5.278 แสนล้านบาท อันดับ 4 คือนายเฉลิม อยู่วิทยา แห่ง กระทิงแดง ทรัพย์สินเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ถึง 9.66 หมื่นล้านบาท
+++ทำเนียบอภิมหาเศรษฐีของไทยในปีนี้ มีโอกาสต้อนรับเจ้าสัว หน้าใหม่ถึง 3 คน ได้แก่ นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ผู้ก่อตั้งบริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด มหาเศรษฐีผู้มีอายุเพียง 32 ปี แต่รวยติดอันดับ 44 มีมูลค่าสินทรัพย์สูงถึง 2.104 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีนายวินัย เตียวสมบูรณ์กิจ ผู้ก่อตั้ง ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป เมื่อปี 2530 จากฟาร์มเลี้ยงไก่เพียง 2 หมื่นตัว ก่อร่างสร้างตัวจนรวยติดอันดับ 35 มีทรัพย์สินถึง 2.587 หมื่นล้านบาท และน.ส.ณัฐชไม ถนอมบูรณ์เจริญ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มชูกำลัง คาราบาวแดง รวยติดอันดับ 46 มีมูลค่าทรัพย์สินสูงถึง 2.035 หมื่นล้านบาท
+++ความเคลื่อนไหวทางการเมือง กรณี 4คำถามของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ทำให้ในวันนี้ กระทรวงมหาดไทย ประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นการมอบแนวทางการปฏิบัติและทำความเข้าใจเรื่องการรับฟังและรวบรวมความคิดเห็นของประชาชน ทั้งนี้แนวทางในเบื้องต้น คือ กระทรวงมหาดไทย และศูนย์ดำรงธรรมจะเป็นเพียงผู้รับความคิดเห็นของประชาชน เพื่อส่งมอบให้กับสำนักนายกฯเท่านั้น และได้มีการกำชับผู้ว่าฯ ว่าอย่าชี้นำหรืออธิบายความอะไรก็แล้วแต่ให้กับประชาชน ยืนยันว่า มท.จะไม่มีการแต่งเติมเสริมต่อความคิดเห็นของประชาชน
+++คดีอาชญากรรม ความคืบหน้าการติดตามตัว นายวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา ทายาทเครื่องดื่มชูกำลังชื่อดัง ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ เป็นผู้ร้ายข้ามแดน ข้อหาขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และขับรถในทางก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคล ไม่หยุดรถและให้ความช่วยเหลือตามสมควรแก่ผู้ได้รับความเสียหาย และไม่แจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ในทันที นายอำนาจ โชติชัย อธิบดีอัยการสำนักงานต่างประเทศ เปิดเผยว่า จนถึงขณะนี้ ยังไม่ได้รับหนังสือจากสำนักงานตำรวจเเห่งชาติ(สตช.) ในส่วนตัวได้ตั้งคณะทำงานอัยการสำนักงานต่างประเทศรอพิจารณาไว้เเล้วด้วย และในวันที่ 9 มิ.ย. คณะทำงานอัยการสำนักงานต่างประเทศ และ สตช.จะประชุมร่วมกันเพื่อหาแนวทางดำเนินการให้ประสานงานได้รวดเร็วขึ้น
+++เวลา 02.30 น. เจ้าหน้าที่ทหารชุดเฉพาะกิจกองทัพภาคที่ 1 พร้อม สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบสถานบริการ ร้านกิ๊กบาร์2 เลขที่ 280 ถนนประเสริฐมนูกิจ แขวงจรเข้บัว เขตลาดพร้าว หลังได้รับร้องเรียนจากประชาชนว่ามีการมั่วสุมยาเสพติดและเปิดให้บริการเกินเวลาที่กำหนด พบนักเที่ยวทั้งชายและหญิง ประมาณ 200 คน เจ้าหน้าที่สั่งปิดเพลงและเปิดไฟ ก่อนจะขอตรวจบัตรประชาชนและใบอนุญาตเปิดสถานบริการ เบื้องต้นมีนายศุภวุฒิ นวมครุฑ อายุ 32 ปี รับเป็นผู้จัดการร้าน และจากการตรวจสอบพบมีผู้ใช้บริการอายุไม่ถึง 20 ปี จำนวน 2 ราย มีปัสสาวะสีม่วงจำนวน 6 ราย เป็นหญิง 4 ราย ชาย 2 ราย มีบุคคลต่างด้าวไม่มีเอกสารจำนวน 8 ราย และตรวจพบยาเสพติด(ยาเค) ตกอยู่ที่พื้นจำนวนหนึ่ง จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน จากการตรวจสอบ พบว่าร้านดังกล่าวเปิดมาแล้ว 2 ปี และ ไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการ และเปิดจำหน่ายสุราเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด และเป็นแหล่งมั่วสุมยาเสพติดของวัยรุ่น ซึ่งหลังจากนี้จะดำเนินการตามขั้นตอน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาไม่มีใบอนุญาตเปิดสถานบริการ จำหน่ายสุรานอกเวลาที่กฎหมายกำหนด เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง ก่อนควบคุมตัวทั้งหมดส่ง สน.โชคชัย เพื่อดำเนินคดี
+++เจ้าหน้าที่ไทย ยังติดตามประสานงานกับเมียนมาร์ ติดตามจับกุม 3 ผู้ต้องหา น.ส.ปรียานุช หรือเปรี้ยว โนนวังชัย อายุ 24 ปี น.ส.กวิตา หรือเอิร์น ราชดา อายุ 25 ปี และน.ส.อภิวันทน์ หรือแจ้ สัตยบัณฑิต อายุ 28 ปี ที่เพิ่งถูกขออนุมัติหมายจับจากศาลเพิ่มเติมรวมเป็น 3 คน หลังจากใช้บัตรผ่านแดนชั่วคราวหรือบอเดอร์พาสเดินทางข้ามฝั่งไปตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค. โดยบัตรใช้อยู่ในประเทศเมียนมาได้เพียง 7วัน ซึ่งครบกำหนดตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค.
+++พ.ต.ท.เท่น วิน ผกก.สถานีตำรวจ จ.ท่าขี้เหล็ก นำกำลัง 15 คน ได้ตรวจสอบภายในร้านโอโซน สปา แอนด์คารา โอเกะ ซึ่งเป็นจุดที่ถูกระบุว่าบุคคลทั้ง 3 จะหนีมากบดานเพื่อทำงาน ซึ่งอยู่ห่างจากพรมแดนแม่สายประมาณ 4 กิโลเมตร ซึ่งไม่พบตัวทั้งหมดจึงเชิญตัวผู้จัดการร้านพร้อมกับพนักงานสาวของร้านประมาณ 8 คน ไปสอบสวนที่สถานีตำรวจเพื่อหาเบาะแสของบุคคลทั้ง 3 เบื้องต้นพนักงานทั้งหมดให้การตรงกันว่าพบเห็นบุคคลทั้ง 3 เข้ามาพักที่ห้องพักภายในร้านตั้งแต่ช่วงกลางคืนของวันที่ 25 พ.ค. และอยู่จนถึงช่วงเช้าวันที่ 28 พ.ค. จากนั้นช่วง บ่ายทั้งหมดก็ได้หายตัวไปโดยไม่ทราบว่าไปอยู่พื้นที่ใดซึ่งเจ้าหน้าที่เมียนมากำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบเส้นทางหลบหนีและพื้นที่กบ ดานแหล่งใหม่
+++กองประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการจากไปอย่างกระทันหันด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ของ น้องเฟี๊ยส รัตนา รามจาตุ มิสแกรนด์ อุทัยธานี 2017 ขอให้น้องพักผ่อนให้สบาย และขอเป็นกำลังใจให้ครอบครัวของน้องเฟี๊ยส หลังเดินทางกลับบ้าน เกิดอุบัติเหตุบริเวณถนนเพชรเกษมขาเข้า กทม. ต.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบพบว่า รถอยู่ในสภาพเสียหลักตกไปในร่องกลางถนนและพุ่งชนต้นไม้จนหน้ารถเสียหายยับเยิน ที่เบาะคนขับพบนางปวีณา เอมโกศ อายุ 33 ปีผู้จัดการส่วนตัวได้รับบาดเจ็บขาหัก ส่วนเบาะข้างๆ พบอีก 1 ผู้บาดเจ็บคือ น.ส.รัตนา ใบหน้ามีแผลฉีกขาดหลายแห่ง จึงช่วยกันใช้เครื่องตัดถ่างงัดร่างออกมาเพื่อนำส่ง รพ.ทับสะแก แต่น้องเฟี๊ยสเสียชีวิตระหว่างทาง
CR:คลังภาพ รัฐบาลไทย