+++การจัดทำร่างกฎหมายยุทธศาสตร์ชาติ พล.ร.อ.พัลลภ ตมิศานนท์ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ( สนช. ) แถลงว่า การจัดทำใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว กรรมาธิการฯจะประชุมอีกครั้ง วันที่ 8 มิถุนายนนี้ จะเสนอให้นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช.ในวันที่ 12 มิถุนายนนี้ และคาดว่าจะบรรจุเข้าสู่การพิจารณาของ สนช. ในวาระ 2 – 3 ก่อนประกาศใช้เป็นกฎหมายในวันที่ 22 มิถุนายนนี้ ซึ่งขั้นตอนการพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้ ได้รับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ตามมาตรา 77 วรรค 2 โดยเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ของรัฐบาล ซึ่งมีผู้เข้าชมมากกว่า 3,000 คน และให้ความคิดเห็นเพิ่มเติม ซึ่งความเห็นต่าง ๆ ครอบคลุมเนื้อหาในร่างกฎหมายครบถ้วนแล้ว
+++พล.ร.อ.พัลลภ กล่าวถึง คณะกรรมการยุทธศาสตร์ หรือ ซุปเปอร์บอร์ดในร่างกฎหมายดังกล่าว ว่า ได้ปรับแก้เพิ่มจำนวนคณะกรรมการจาก 32 คน เป็น 35 คน ครอบคลุมคนรุ่นใหม่ทุกช่วงวัย ยืนยันว่า การกำหนดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีไม่ถือว่ายาวนานเกินไป เพราะเป็นการกำหนดทิศทางประเทศ วิสัยทัศน์และเป้าหมายในการพัฒนาประเทศในอนาคตทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ขณะที่ ในต่างประเทศจะกำหนดนาน 20 – 50 ปี และไม่ผูกพันรัฐบาล โดยรัฐบาลใหม่ยังมีอิสระดำเนินการได้ และยังกำหนดให้มีการทบทวนแผนยุทธศาสตร์ชาติทุก ๆ 5 ปี และเปิดโอกาสให้สามารถแก้ไขได้ โดยจะต้องไม่กระทบต่อผลสัมฤทธิ์แผนยุทธศาสตร์ชาติ
+++ความคืบหน้าการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง กล่าวว่า กมธ.ลงมติในมาตราสำคัญๆ 3-4 มาตราคือ กรณีทุนประเดิมจัดตั้งพรรคการเมือง ที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.)กำหนดไว้ที่ 1 ล้านบาท แต่กมธ.เห็นว่า ควรแก้ไขเป็นให้กกต.เป็นผู้กำหนด โดยยึดจากตัวเลขค่าใช้จ่ายการเลือกตั้งส.ส.ของแต่ละคนในครั้งที่ผ่านมาคือ 1.5 ล้านบาท ดังนั้นทุนประเดิมในการจัดตั้งพรรคการเมืองจึงขยับจาก 1 ล้านบาท เป็น 1.5 ล้านบาท อย่างไรก็ตามการจ่ายทุนประเดิมพรรคไม่จำเป็นต้องนำมาจ่ายในวันจัดตั้งพรรคการเมือง สามารถนำมาจ่ายในวันที่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งได้ หากไม่ส่งผู้สมัครก็ไม่ต้องจ่าย แต่ถ้าพรรคใดไม่จ่ายทุนประเดิมจะไม่มีสิทธิได้รับเงินสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองของกกต. โดยกมธ.ส่วนใหญ่เห็นด้วย ยกเว้นกมธ.ที่เป็นตัวแทนจากกรธ. และนายวัลลภที่อยากให้กำหนดไว้ที่ 1 ล้านเช่นเดิม นอกจากนี้ในตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค เห็นควรให้เลขาธิการพรรคเป็นกรรมการบริหารพรรคเช่นเดิม
+++นายวัลลภ กล่าวว่า หากที่ประชุมสนช.ไม่เห็นด้วยกับร่างที่สนช.ลงมติไป ก็ต้องตั้งกรรมการร่วม 11 คนประกอบด้วยกรธ. 5 คน สนช. 5คน ประธานศาลรัฐธรรมนูญหรือประธานองค์กรอิสระ 1 คน มาพิจารณาแก้ไขร่างกฎหมายร่วมกันแล้วส่งไปให้สนช.พิจารณา หากสนช.ยืนยันด้วยมติ 2 ใน3 ไม่เห็นด้วยกับร่างที่แก้ไขใหม่ ถือว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวตกไป
+++ขณะเดียวกัน กมธ.ยังมีมติให้แก้ไขเรื่องการส่งผู้สมัครรับเลือกส.ส.ทั้งระบบส.ส.เขตและบัญชีรายชื่อ จากเดิมที่กำหนดให้กรรมการบริหารพรรคเป็นผู้คัดเลือกผู้สมัคร แก้ไขเป็น กรณีผู้สมัครส.ส.เขต จะให้พรรคประกาศรับสมัครผู้สมัครส.ส.จากนั้นจะส่งรายชื่อผู้สมัครไปให้สาขาพรรคหรือตัวแทนจังหวัดเป็นผู้พิจารณาว่าจะให้ใครเป็นผู้สมัคร โดยเลือกมาเขตละ 2 คน เพื่อส่งรายชื่อกลับมาให้กรรมการบริหารพรรคพิจารณา ถ้าหากไม่เลือกผู้ที่ได้รับคะแนนลำดับ 1 ต้องให้เหตุผลว่าเพราะอะไร หากไม่เลือกทั้งสองคน ให้ส่งเรื่องกลับไปที่สาขาพรรคเพื่อคัดเลือกผู้สมัครใหม่
+++ส่วนการคัดเลือกผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ 150 คน กำหนดให้คณะกรรมการสรรหาแต่ละพรรคจัดทำบัญชีรายชื่อผู้สมัคร 150 คน โดยให้หัวหน้าพรรคอยู่ในลำดับ 1 ส่วนลำดับที่ 2-150 ให้พรรคทำบัญชีรายชื่อและส่งไปให้สาขาพรรคหรือตัวแทนจังหวัดคัดเลือก โดยตัวแทนสาขาพรรค 1 คน สามารถเลือกได้ 15 รายชื่อ เมื่อลงคะแนนเสร็จแล้ว จึงส่งกลับมาให้กรรมการบริหารพรรคจัดลำดับตามคะแนนโหวตตามที่สาขาพรรคลงคะแนนมา
+++ความกังวลเรื่องการเกิดฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า จากการพิจารณาสินเชื่อที่ปล่อยให้กับการซื้ออสังหาริมทรัพย์ ไม่พบว่ามีการขยายตัวรุนแรงในลักษณะเก็งกำไร แม้ว่าภาคอสังหาริมทรัพย์บางกลุ่ม อาจจะเห็นว่ามีราคาปรับตัวสูงขึ้น แต่ก็ยังเป็นลักษณะเฉพาะกลุ่ม ดังนั้น สถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันจึงแตกต่างกับเมื่อครั้งเกิดวิกฤตปี 2540 อสังหาริมทรัพย์กลุ่มบนที่มีราคาปรับขึ้นมาก ส่วนใหญ่จะเป็นการใช้เงินส่วนตัว ที่เป็นเงินเย็นเข้าไปซื้อ ซึ่งหากเป็นการที่ราคาอสังหาริมทรัพย์ปรับขึ้น โดยการใช้เงินตัวเองซื้อ ก็ไม่ได้น่ากลัว ไม่ได้เกิดผลกับระบบเหมือนรอบก่อน ๆ ที่ใช้เงินสินเชื่อเข้าไปเก็งกำไร ขณะที่ในกลุ่มสถาบันการเงิน ก็มีการพัฒนาระบบบริหารความเสี่ยงดีขึ้นมาก รวมถึงผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ก็หันไประดมทุนในภาคตลาดทุนมากขึ้น เนื่องจากต้นทุนต่ำกว่า
+++ดัชนีตลาดหุ้นไทย ปิดที่ 1,563.11 จุด เพิ่มขึ้น 1.45 จุด มูลค่าซื้อขาย 41,117.43 ล้านบาท
+++การลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ นิเคอิ ตลาดหุ้นโตเกียว ญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 209.46 จุด แตะที่ 19,860.03 จุด
+++ฮั่งเส่ง ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 148.57 จุด ปิดที่ 25,809.22 จุด
+++ความคืบหน้าการติดตามตัว น.ส.ปรียานุช โนนวันชัย หรือเปรี้ยว และน.ส.กวิตา ราชดา หรือเอิร์น ผู้ต้องหาคดีฆ่าหั่นศพ น.ส.วริศรา กลิ่นจุ้ย หรือแอ๋ม ที่ขณะนี้หลบหนีไปอยู่ที่ประเทศเมียนมา นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กล่าวว่า จากการตรวจสอบประวัติของ น.ส.ปรียานุช และพวก พบว่ามีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด โดยเฉพาะ น.ส.ปรียานุช เป็นทั้งผู้ค้าและเสพ จากแนวทางการสืบสวนพบว่า น.ส.ปรียานุช ยังได้ติดต่อกับกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่กลุ่มหนึ่งใน จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา เนื่องจากมีการนำยาเสพติดเข้ามาขายในพื้นที่ให้กับกลุ่มเพื่อนที่ทำงานกลางคืนด้วยกัน จึงคาดว่า น.ส.ปรียานุช น่าจะไปขอความช่วยเหลือกับกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดกลุ่มนี้ในการหลบซ่อนตัว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าเป็นกลุ่มใด เนื่องจากอยู่ระหว่างการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ นายศิรินทร์ยา กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ที่ น.ส.ปรียานุช ได้มีการโพสต์ความเป็นอยู่ และการใช้เงินแบบฟุ่มเฟือยผ่านทางเฟซบุ๊ก เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการขยายผลว่าเงินดังกล่าวมีที่มาที่ไปเป็นอย่างไร ถ้ามีหลักฐานชี้ชัดว่าเงินดังกล่าวอยู่ในขบวนการค้ายาเสพติด จะประสานเจ้าหน้าที่ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) เตรียมเข้ายึดทรัพย์ต่อไป
+++ส่วนความคืบหน้าของคดี เจ้าหน้าที่เรือนจำกลางขอนแก่น พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากกรมราชทัณฑ์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ขอนแก่น ได้ควบคุมตัว นายวศิน นามพรหม 1 ใน ผู้ต้องหา มาคุมขังผัดแรก 12 วัน ที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษขอนแก่น
+++ขณะเดียวกัน พนักงานสอบสวน สภ.เขาสวนกวาง ฝากขัง น.ส.จิดารัตน์ พรหมคุณ หรือเบนซ์ ผู้ต้องหาคนที่ 2 ที่ถูกจับได้ เจ้าหน้าที่คุมไปอำนาจศาลจังหวัดขอนแก่น ฝากขังเป็นผัดแรก ที่แดนหญิงเรือนจำกลางขอนแก่น
+++เอเอฟพี รายงานอ้างทำเนียบขาวของสหรัฐฯว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประณามเหตุโจมตีด้วยรถบรรทุกระเบิดในกรุงคาบูล อัฟกานิสถานในการโทรศัพท์พูดคุยกับประธานาธิบดีอัชราฟ กานีของอัฟกานิสถาน เพื่อแสดงความเสียใจกับเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นในกรุงคาบูล มีคนเสียชีวิต 90 ศพและมีคนบาดเจ็บราว 400คนเมื่อวานนี้ การที่คนร้ายเลือกช่วงเวลาการลงมือก่อเหตุในช่วงการถือศีลในเดือนรอมฏอนอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิมนับว่าเป็นการก่อการร้ายที่ป่าเถื่อนและเป็นศัตรูต่อสังคมที่เจริญก้าวหน้าทางด้านอารยธรรมแล้วทุกๆแห่งด้วย สำหรับผู้เสียชีวิตรวมถึงชาวอัฟกัน 11 คนที่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำสถานทูตสหรัฐฯและมีพลเมืองอเมริกัน 11 คนที่ทำงานกับบริษัทรับเหมาก่อสร้างในกรุงคาบูลได้รับบาดเจ็บด้วย
+++ส่วนปฏิกริยาจากทั่วโลก นายซิกมาร์ กาเบรียล รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี ร่วมประณามเหตุโจมตีครั้งนี้ว่าเป็นที่น่ารังเกียจ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยชาวอัฟกันประจำสถานทูตเยอรมนีเสียชีวิต 1 ศพ
+++ขณะที่รัฐบาลฝรั่งเศส อินเดีย ตุรกี ญี่ปุ่น สหรัฐฯอาหรับเอมิเรตส์และบัลแกเรียรายงานว่ามีความเสียหายในอาคารสถานทูต กระจกหน้าต่างแตกเสียหาย พร้อมทั้งร่วมประณามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
+++เช่นเดียวกับนายแอนโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ประณามว่าอำมหิต และย้ำให้เห็นความความจำเป็นเร่งด่วนในการปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายและกลุ่มหัวรุนแรง
แฟ้มภาพ