สหรัฐทดสอบระบบต่อต้านขีปนาวุธสำเร็จ/เยอรมนีจับชาวซีเรีย เตรียมก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตาย/ผอ.สื่อทำเนียบขาวลาออก

31 พฤษภาคม 2560, 06:02น.


ทันสถานการณ์โลก 06.30 น.



+++กระทรวงกลาโหม หรือ เพนตากอนของสหรัฐ   ทดสอบแสนยานุภาพในการสอยขีปนาวุธข้ามทวีปเป็นหนแรก เพื่อใช้สำหรับอัพเกรดขีปนาวุธสกัดกั้นของพวกเขาเอง ในปฏิบัติการที่ถูกมองว่าเป็นการทดสอบศักยภาพของอเมริกาสำหรับตอบโต้การยิงจรวดของเกาหลีเหนือ  การทดสอบครั้งนี้ซึ่งมีขึ้นบนท้องฟ้าเหนือมหาสมุทรแปซิฟิก เกิดขึ้นเพียง 2 วันหลังจากเกาหลีเหนือยิงทดสอบขีปนาวุธพิสัยใกล้ ซึ่งพุ่งเป็นระยะทางราว 248 ไมล์(ประมาณ 400 กิโลเมตร) ก่อนตกลงภายในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของญี่ปุ่น ในข้อความที่โพสต์ลงทวิตเตอร์เมื่อวันจันทร์(29พ.ค.) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ร่วมกับผู้นำเกาหลีใต้และญี่ปุ่น ประณามการทดสอบดังกล่าว โดยบอกว่าเกาหลีเหนือแสดงถึงการไม่เคารพจีนโดยสิ้นเชิง ผ่านการทดสอบขีปนาวุธอีกครั้ง  กองทัพระบุในถ้อยแถลงว่าการยิงสกัดกั้นจากฐานทัพอากาศแวนเดนเบิร์ก "ประสบความสำเร็จในการสกัดเป้าหมายขีปนาวุธข้ามทวีปลูกหนึ่ง" ที่ยิงจากสถานที่ทดสอบเรแกน บนหมู่เกาะมาร์แชลล์ "ระบบนี้มีคำสำคัญยิ่งต่อการปกป้องมาตุภูมิของเรา และการทดสอบนี้แสดงให้เห็นว่าเรามีแสนยานุภาพป้องปรามต่อภัยคุกคามที่แท้จริง"



เพนตากอนยืนกรานว่าการทดสอบระบบสกัดกั้นจากภาคพื้นในวันอังคาร(30พ.ค.) เป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้นานแล้วและไม่ได้เกี่ยวกับเกาหลีเหนือเพียงอย่างเดียว โดยเป้าหมายของการทดสอบคือการท้าทายทุกภัยคุกคามจากขีปนาวุธข้ามทวีป ในนั้นรวมถึงความเป็นไปได้ที่จะมาจากอิหร่านในอนาคต  สำหรับการทดสอบในวันอังคาร(30พ.ค.) ขีปนาวุธสกัดกั้นถูกยิงออกจากฐานทัพอากาศแวนเดนเบิร์ก ในแคลิฟอร์เนีย และเข้าสกัดกั้นภัยคุกคามจำลองเหนือมหาสมุทรแปซิฟิกจากขีปนาวุธลูกหนึ่งซึ่งถูกยิงขึ้นจากเกาะหินปะการังควาจาเลน ในแถบหมู่เกาะมาร์แชลล์       



+++นายคาร์ล–ไฮน์ซ ชเรอเตอร์ รัฐมนตรีความมั่นคงภายในเยอรมนีว่าตำรวจได้จับกุมผู้อพยพชาวซีเรียคนหนึ่งอายุ 17 ปีในวันนี้ ฐานต้องสงสัยเตรียมระเบิดฆ่าตัวตายในกรุงเบอร์ลิน ผู้ต้องสงสัยถูกจับกุมในอำเภอหนึ่งในรัฐบรันเดินบวร์ค ทางตะวันออกของประเทศ พบว่า ได้เดินทางเข้าเยอรมนีเมื่อปี 2558 และขอลี้ภัยอยู่ในเยอรมนี ผู้ต้องสงสัยรายนี้ พักอยู่ในบ้านหลังหนึ่งในศูนย์อพยพสำหรับเด็กที่ไม่มีผู้ปกครอง ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภออุคเคอร์มาร์ค รัฐบรันเดนบวร์คตั้งแต่ปีที่แล้ว และไม่เคยอยู่ในข่ายติดตามของหน่วยข่าวกรองมาก่อน ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสอบปากคำและตรวจค้นบ้านหลังนั้นอย่างละเอียด ก่อนหน้านี้ นักรบจีฮัดรายหนึ่งคือนายอานิส อัมรี ผู้อพยพชาวตูนีเซีย ขับรถบรรทุกคันหนึ่งพุ่งชนคนในตลาดคริสต์มาสในกรุงเบอร์ลิน เมื่อเดือนธันวาคมปีก่อน มีคนเสียชีวิต 12 ศพ ทำให้รัฐบาลเยอรมนียกระดับการดูแลความมั่นคงสูงขึ้น



+++นายไมเคิล คีแนน รัฐมนตรียุติธรรมออสเตรเลียว่า พลเมืองออสเตรเลียที่เคยต้องคดีล่วงละเมิดทางเพศเด็กจะถูกปฏิเสธคำขอหนังสือพาสปอร์ตสำหรับใช้เดินทางไปต่างประเทศ ภายใต้นโยบายใหม่ของรัฐบาลออสเตรเลีย พร้อมตำหนิการจัดการท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้องกับการค้าประเวณีเด็กว่าเป็นอาชญากรรมที่น่ารังเกียจ ข้อเสนอนี้จะถูกนำเสนอให้ที่ประชุมรัฐสภาออสเตรเลียพิจารณาในเร็วๆนี้ จะมีผลคือห้ามคนที่เคยต้องคดีล่วงละเมิดทางเพศไม่ให้เดินทางออกไปต่างประเทศ มาตรการนี้จะกระทบพลเมืองออสเตรเลียจำนวน 2 หมื่นรายที่เคยทำผิดคดีในลักษณะนี้ หลายรายรับโทษจำคุกมาครบแล้ว แต่ต้องถูกเฝ้าระวังต่อไป ในจำนวนนี้ 3,200 รายไม่มีสิทธิ์จะขอพาสปอร์ตเพื่อเดินทางไปต่างประเทศเนื่องจากเป็นบุคคลที่ต้องถูกเฝ้าระวังไปตลอดชีวิต สำหรับคนที่เคยทำความผิดคดีทางเพศสามารถจะยื่นขอพาสปอร์ตได้ ถ้าหากพวกเขาไม่ได้อยู่ในรายชื่อเฝ้าระวังอีกต่อไป  ไม่เคยมีประเทศใดใช้มาตรการที่เด็ดขาดและรุนแรงเช่นนี้เพื่อห้ามปรามพลเมืองของตัวเองไม่ให้เดินทางไปต่างประเทศ ทั้งๆที่กลุ่มคนพวกนี้อาจจะไปก่อเหตุซ้ำในลักษณะนี้ในต่างแดน



+++นางเคลลีแอนน์ คอนเวย์ ที่ปรึกษาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ว่านายไมค์ ดั๊บ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารประจำทำเนียบขาวของสหรัฐฯได้ลาออกจากตำแหน่ง เพียง 3 เดือนหลังถูกว่าจ้างโดยประธานาธิบดีทรัมป์ ให้มาช่วยปรับยุทธศาสตร์ด้านสื่อของทำเนียบขาว ด้านอาซิออส เว็บไซต์ข่าวการเมืองของสหรัฐฯเพิ่มเติมว่านายดั๊บ นักยุทธศาสตร์ประสบการณ์สูงของพรรครีพับลิกัน ลาออกเองโดยสมัครใจ ไม่ได้มีเรื่องขุ่นข้องหมองใจกับทีมงาน โดยนายดั๊บตกลงก่อนหน้านี้่ว่าเขาจะทำงานต่อไปจนกว่านายทรัมป์จะเดินทางกลับสหรัฐฯเมื่อวันเสาร์หลังการเยือนตะวันออกกลางและยุโรป การปรับองค์กรสื่อประจำทำเนียบขาวครั้งนี้ นายฌอน สไปเซอร์ โฆษกทำเนียบขาวจะยังทำหน้าที่เดิมต่อไป แต่จะแถลงสรุปข่าวต่อสื่อมวลชนน้อยลง การปรับโครงสร้างองค์กรครั้งนี้มีขึ้นหลังมีรายงานว่าไม่มีเอกภาพในการทำงานของทีมสื่อสารประจำทำเนียบขาว มีรายงานว่านายทรัมป์รู้สึกไม่พอใจการทำงานของทีมสื่อสารของทำเนียบขาวในหลายๆเรื่อง เมื่อเร็วๆนี้นายทรัมป์เสนอแนวคิดว่าอาจจะยกเลิกการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนแบบรายวัน โดยนายทรัมป์ อาจจะแถลงข่าวด้วยตัวเอง 2 สัปดาห์ต่อครั้ง  ด้านทำเนียบขาว ยังไม่แถลงว่าใครจะเข้ามาทำหน้าที่นี้แทนนายดั๊บ แต่สื่อสหรัฐฯรายงานว่ามีคนเห็นนายโครีย์ เลวันเดาสกี อดีตผู้จัดการทีมรณรงค์หาเสียงของนายทรัมป์ เดินทางออกจากทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ ระบุว่า นายเลวันเดาสกี อาจจะเข้ามาร่วมงานกับรัฐบาลในเร็วๆนี้



 +++สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม ลดลง 14 เซนต์ ปิดที่ 49.66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอนงวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 45 เซนต์ ปิดที่ 51.84 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล   ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันอังคาร(30พ.ค.) ปิดลบในกรอบแคบๆ จากแรงฉุดกลุ่มพลังงานและภาคการเงินที่บดบังความเคลื่อนไหวในแดนบวกของกลุ่มเทคโนโลยี ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ลดลง 50.81 จุด (0.24 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 21,029.47 จุด กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯเปิดเผยว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภค เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 4 เดือนในเดือนเมษายน โดยดีดตัวขึ้นร้อยละ 0.4 จากเดือนมีนาคม บ่งชี้ว่าอุปสงค์ภายในประเทศแข็งแกร่ง ซึ่งอาจเปิดทางให้ธนาคารกลางอเมริกา(เฟด) ปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนหน้า ส่วนราคาทองคำในวันอังคาร(30พ.ค.) ปิดลบเล็กน้อย นักลงทุนจับตาข้อมูลการจ้างงานอันสำคัญของสหรัฐฯ ซึ่งมีกำหนดเผยแพร่ออกมาในช่วงปลายสัปดาห์ โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 5.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,265.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์



+++กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯยังไม่มีแผนประกาศขยายมาตรการนำแล็ปท็อปและแท็บเล็ตขึ้นเครื่องบินเข้าอเมริกา ครอบคลุมผู้โดยสารจากยุโรป ภายในสัปดาห์นี้ หลัง จอห์น เคลลี รัฐมนตรีว่าการได้พูดคุยกับเหล่าเจ้าหน้าที่อียูเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ เจ้าหน้าที่สหภาพยุโรปรายหนึ่งระบุว่าความเคลื่อนไหวไม่แถลงขยายมาตรการห้ามนำอุปกรณ์อเล็กทรอนิกส์ใหญ่กว่าโทรศัพท์มือถือขึ้นเครื่องบินของสหรัฐฯในวันอังคาร(30พ.ค.) เป็นเรื่องดี พร้อมบอกว่าอียูและอเมริกากำลังทำงานร่วมกันเพื่อหาแนวทางตอบสนองต่อภัยคุกคามระเบิดเครื่องบินร่วมกัน เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา สหรัฐฯออกมาตรการป้องกันภัยก่อการร้ายใหม่ ห้ามผู้โดยสารจากสนามบินต้นทาง 10 แห่ง ในนั้นรวมถึงสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, ซาอุดีอาระเบีย, กาตาร์ และตุรกี ห้ามนำแล็ปท็อปเข้าห้องโดยสาร เพราะเกรงว่าอาจมีการซุกซ่อนระเบิดขนาดจิ๋วไว้ในอุปกรณ์เหล่านี้ในเวลาต่อมา อังกฤษ ก็ออกมาตรการแบบเดียวกัน แต่ครอบคลุมเส้นทางแตกต่างกันเล็กน้อย

       

ข่าวทั้งหมด

X