นายกฯ ขออย่าชักศึกเข้าบ้าน ไม่พบไอเอส โยงใต้ ไม่ตั้งธงคำถาม4ข้อ ขอสร้างการเรียนรู้

การชี้แจงคำถามของสื่อมวลชนที่สอบถามไปยังนายกรัฐมนตรีหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.อ.หญิง ทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แกะลายมือนายกรัฐมนตรีและเผยแพร่ต่อสื่อมวลชนโดยกรณีรองนายกมาเลเซียให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างชาติ ว่า เหตุระเบิดภาคใต้ของไทยเป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหวของกลุ่มรัฐอิสลาม(ไอเอส) หลังผู้นำไอเอสมาเลย์ กลุ่มคาติบาห์ นุซันทรา ถูกสังหารที่ซีเรีย รวมถึงเหตุระเบิดบนเกาะมินดาเนา อินโดนีเซีย มีส่วนเชื่อมโยงกับไทยด้วย นายกรัฐมนตรี ชี้แจงรัฐบาลยืนยันว่ายังตรวจสอบไม่พบว่าเป็นการปฏิบัติของกลุ่มดังกล่าว หากมีหลักฐานพิสูจน์ทราบที่ชัดเจน จะแจ้งให้ทราบ ขณะนี้ให้ทุกคนช่วยกันเฝ้าระวัง  สังเกต ทำงานข่าวร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐ การวิพากษ์วิจารณ์ขยายข่าวดังกล่าว ระวัง จะมีผลกระทบกับประเทศ ขณะเดียวกันได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานความมั่นคงได้ติดตาม สืบสวน สอบสวน ซึ่งเราต้องยุติปัญหาความขัดแย้งภายในประเทศให้ได้โดยเร็ว ไม่ให้ขบวนการรุนแรงนอกประเทศเข้ามาแทรกแซง ส่วนการที่ทางการมาเลเซียให้ข่าวหลายครั้งว่าพื้นที่ชายแดนใต้ของไทยเป็นพื้นที่หลบซ่อนของไอเอส และมีเหตุโจมตีบางครั้งเกี่ยวกับไอเอส จะยืนยันได้หรือไม่ว่าไม่เกี่ยว นายกรัฐมนตรี ระบุว่าใช้คำว่ายืนยันไม่ได้ ใช้คำว่าตรวจสอบยังไม่พบ ทั้งงานด้านการข่าว การสืบสวนสอบสวนยังไม่พบความเชื่อมโยง พบเมื่อไหร่จะแจ้งให้ทราบ/อย่าชักศึกเข้าบ้าน เตรียมคนเราให้พร้อม

ส่วนการพูดคุยสันติสุขชายแดนใต้ เพื่อกำหนดพื้นที่ปลอดภัยไปถึงไหนแล้ว ขณะที่กลุ่มบีอาร์เอ็นปรับโครงสร้างและยื่นเงื่อนไขพูดคุย รัฐบาลจะว่าอย่างไรบ้าง นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ทราบว่าเริ่มพูดคุยเพื่อกำหนดพื้นที่บ้างแล้ว แต่ยังต้องพิจารณาในเงื่อนไขต่างๆ ที่ทั้ง สองฝ่ายต้องการ ให้สอดคล้องและเข้าใจตรงกัน ที่สำคัญคือ การสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน ให้สนใจ การพัฒนา การบังคับใช้กฎหมายปกติ/ การพูดคุยสันติสุขเป็นวิธีการของสากลที่ปฏิบัติไปด้วยกัน

ส่วนกรณี คำถาม 4 ข้อของนายกรัฐมนตรี มั่นใจหรือไม่ว่า จะได้คำตอบจริงๆ จากประชาชนหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่าไม่มีความตั้งใจจะได้คำตอบที่ถูกใจ หรือไม่ตรงใจ  นายกรัฐมนตรี ต้องการสร้างการเรียนรู้ว่าประชาชนจะช่วยกันอย่างไรให้ได้รัฐบาลที่ดี มีธรรมาภิบาลในการบริหารบ้านเมืองต่อไป ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวนายกรัฐมนตรีเลย เพราะการเลือกตั้งประชาชนเป็นผู้เลือก ต้องเลือกด้วยความรอบคอบ

ความคืบหน้าเหตุระเบิดรพ.พระมงกุฎเกล้า ล่าสุดรู้ตัวผู้ก่อเหตุแล้วหรือไม่ เพราะข้อมูลยังไม่ตรงกันจากผู้รับผิดชอบ นายกรัฐมนตรี ระบุว่ายังอยู่ในกระบวนการสืบสวนสอบสวน เอาไว้รอให้ออกหมายจับ/จับกุมได้/ กำลังทำงานอยู่

กรณีเรื่องหญิงไทยถูกล่อลวงไปค้าประเวณีที่สหรัฐฯ ขณะที่ในไทยก็มีปัญหาค้ากามเด็ก มีข้าราชการเกี่ยวข้อง รัฐบาลจะมีมาตรการอย่างไร นายกรัฐมนตรีระบุว่า มันเป็นวงจรอุบาทว์ที่มีทั้งผู้ไม่สุจริต/ผู้สมัครใจ/ ผู้ถูกล่อลวง เจ้าหน้าที่ต้องปราบปรามทุกกระบวนการให้ครบวงจร

คำถามเรื่องรถหรูเลี่ยงภาษีและถูกโจรกรรมจากต่างประเทศ โยงข้าราชการจำนวนมาก รัฐบาลมีนโยบายอย่างไรเพื่อไม่ให้ลูบหน้าปะจมูกเหมือนที่ผ่านๆมา นายกรัฐมนตรี ระบุว่าแต่ก่อนมีคดีแบบนี้เกิดขึ้นหรือไม่ รัฐบาลโดยกระทรวงการคลัง และกรมศุลกากร ได้รื้อเรื่องนี้ออกมาให้ทบทวน เร่งรัดดำเนินคดี นี่คือความแตกต่างของรัฐบาลนี้  ซึ่งเกิดขึ้นมาเป็นเวลานาน ทุกวงการ อย่าบอกว่า รัฐบาลไม่มีผลงานในเรื่องปราบปรามการทุจริต

ส่วนการลงพื้นที่และให้นโยบาย คิดว่าฤดูฝนปีนี้จะสามารถรับมือกับปริมาณน้ำได้หรือไม่โดยเฉพาะใน กทม. นายกรัฐมนตรี ระบุว่าถ้าฝนไม่มากเกินปกติ พอจะแก้ไขให้ทุเลาได้ แต่การจะแก้ไขได้อย่างยั่งยืน ต้องแก้ทั้งระบบ ตั้งแต่ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้  ป้องกันพื้นที่กทม. พื้นที่ ตะวันตกและตะวันออก แม่น้ำเจ้าพระยา

มาตรการกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแล และมีมาตรการช่วยเหลือในพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วม –พื้นที่ลุ่มขณะนี้มีแผนอยู่แล้ว มีงบประมาณของผู้ว่าราชการจังหวัดอยู่แล้ว รัฐบาลพร้อมเติมมาตรการ/งบประมาณลงไปเพิ่มเติมขีดความสามารถ

กรณีสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.)ส่งผลการศึกษาและมีข้อเสนอแนะถึงให้ปลดบอร์ดบริษัทท่าอากาศยานไทย และยกเลิกสัญญากับคิงพาวเวอร์ มีความคืบหน้าอย่างไร รวมทั้งได้สั่งการอะไรเพิ่มเติม และจะได้ข้อสรุปเมื่อใด นายกรัฐมนตรีระบุว่า การสอบสวนและกฎหมายว่าอย่างไร แจ้งความกันหรือยัง ต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่รัฐบาลจะเอาเรื่องที่มีกระแสมาทำโดยไม่มีที่มาหลักฐานการทุจริต ผู้เสียหายและกระบวนการยุติธรรมว่าอย่างไร

ผู้สื่อข่าว:ปิยะธิดา เพชรดี