กรณีที่องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.)บอกเลิกสัญญารถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน วงเงิน 3,389 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป ได้เข้าร้องขอให้ศาลปกครองกลางพิจารณาออกคำสั่งคุ้มครองฉุกเฉินเรื่องวงเงินค้ำประกัน 330 ล้านบาท ที่ต้องถูก ขสมก.ยึดคืนตามที่ระบุไว้ในสัญญาในกรณีที่เบสท์รินส่งมอบรถเมล์ล่าช้า เพราะยิ่งซ้ำเติมสถานะการเงินของบริษัท นายสมศักดิ์ ห่มม่วง รักษาการผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า บริษัท เบสท์ริน ได้ขอร้องให้ ขสมก.ไม่เปิดประมูลรถเมล์เอ็นจีวี 489 คันรอบใหม่ เพื่อทดแทนรถเมล์ของเบสท์รินที่ถูกบอกเลิกสัญญา เนื่องจาก เบสท์รินได้ลงทุนไปแล้ว 3,000-4,000 ล้านบาท แต่ยังไม่สามารถรับเงินจากภาครัฐได้ อีกทั้งถ้าปล่อยให้ธนาคารผู้วางเงินค้ำประกัน ส่งเงินค้ำประกัน 330 ล้านบาท ให้ ขสมก.ตามสัญญา จะส่งผลให้ธนาคาร ต้องคิดดอกเบี้ยกับบริษัท เบสท์ริน ทันที และทำให้บริษัทมีปัญหาสภาพคล่องมากขึ้น
ศาลปกครองกลาง นัดไต่สวนขสมก.เมื่อวันที่ 25 พ.ค.ซึ่งขสมก.ได้ชี้แจงว่าการเปิดประมูลรถเมล์เอ็นจีวี 489 คันรอบใหม่ จะไม่มีผล กระทบใดๆ กับบริษัท เบสท์ริน เพราะที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบกรอบการจัดหารถเมล์เอ็นจีวีไว้ถึง 3,183 คัน ถ้าท้ายที่สุดแล้ว ขสมก.ต้องรับรถเมล์ของเบสท์ริน ก็ยังอยู่ในกรอบที่ดำเนินการได้ สำหรับประเด็นที่ 2 ได้ชี้แจงว่า ขสมก.จำเป็นต้องยึดเงินค้ำประกันจากบริษัท เบสท์ริน เพราะถ้าไม่ดำเนินการจะถูกกล่าวหาว่าเลือกปฏิบัติได้ อย่างไรก็ตามศาลยังไม่มีคำสั่งใดๆ
กรณีที่บริษัทเบสท์ริน ฟ้องศาลปกครองกลางให้ ขสมก.รับรถเมล์จำนวน 390 คัน ซึ่งนำออกจากท่าเรือแหลมฉบังแล้ว ขสมก.อยู่ระหว่างจัดทำคำชี้แจงและเตรียมเรียกร้องค่าเสียหายจากบริษัท เบสท์รินเพิ่มเติม เนื่องจากบริษัท เบสท์ริน มีค่าปรับกรณีส่งมอบรถเมล์ล่าช้าอีก 300-400 ล้านบาท ซึ่งเกินจากวงเงินค้ำประกัน โดยขสมก.จะส่งคำชี้แจงให้สำนักงานอัยการพิจารณาในสัปดาห์หน้าและส่งให้ศาลต่อไป
นายสมศักดิ์ ยืนยันว่า กระทรวงคมนาคม จะเดินหน้าเปิดประมูลรถเมล์เอ็นจีวี 489 คันรอบใหม่ มูลค่า 4,021 ล้านบาท โดยเริ่มขายซองเอกสารประกวดราคาตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค.และจะสิ้นสุดในวันที่ 31 พ.ค.นี้ จากนั้น จะเปิดรับซองคุณสมบัติและข้อเสนอด้านเทคนิคในวันที่ 12 มิ.ย. แจ้ง ผลการคัดเลือกผู้มีสิทธิ เสนอราคาวันที่ 19 มิ.ย. เปิดให้เอกชนเสนอราคาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) วันที่ 26 มิ.ย.หลังจากนั้นจะสรุปผลการประมูลและนำเสนอ ผู้อำนวยการ ขสมก.ได้ในวันที่ 27 มิ.ย. พร้อมนำเสนอคณะกรรมการบริหาร ขสมก. (บอร์ด) ในวันที่ 28 มิ.ย. ลงนามสัญญาในเดือน ก.ค. และมีกำหนด ส่งมอบรถโดยสารภายในวัน 90 วัน หรือภายในเดือน ต.ค.
แฟ้มภาพ