ข่าวเที่ยง
++++พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เปิดเผยถึงการรักษาความปลอดภัย หลังเกิดเหตุระเบิดภายในโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า ว่า มีการดูแลอย่างต่อเนื่อง และเข้มงวดมากขึ้น โดยจะนำเครื่องมือต่างๆ มาสนับสนุนการทำงาน ส่วนการเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล วานนี้ (26พ.ค.) พล.อ.สุรพงษ์ ยืนยันว่า ไม่ได้มีการหารือในส่วนของความมั่นคง เพราะไปในฐานะที่ดูแลงานคมนาคม
ส่วนกรณี นายวุฒิพงษ์ กชธรรมคุณ หรือ โกตี๋ แกนนำเสื้อแดง จ.ปทุมธานี เป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัย เหตุระเบิดภายในโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า ซึ่งปัจจุบันหลบหนีอยู่ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวนั้น(สปป.ลาว) พล.อ.สุรพงษ์ กล่าวว่า ได้ติดต่อกับทางการ สปป.ลาว อย่างต่อเนื่องเพื่อขอความร่วมมือด้านข้อมูลของนายโกตี๋ แต่ต้องรอหน่วยข่าวยืนยันอีกครั้ง ทั้งนี้ หากมีใครอยู่ในข่ายต้องสงสัย ก็พร้อมตรวจสอบทั้งหมด ส่วนจะมีศักยภาพพอที่ก่อเหตุหรือไม่ ถือเป็นข้อสันนิษฐานข้อหนึ่ง ที่อยู่ระหว่างการสอบสวน ซึ่งต้องให้เวลาการทำงานของเจ้าหน้าที่ หากเร่งรัดก็จะทำให้ไม่รอบคอบ
สำหรับเหตุการณ์การก่อการร้ายโดยกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) บนเกาะมินดาเนา ทางตอนใต้ของประเทศฟิลิปปินส์ ว่า เป็นเรื่องภายในประเทศ เชื่อว่าฟิลิปปินส์สามารถดูแลและควบคุมสถานการณ์ได้ ส่วนทางสถานทูตไทยในฟิลิปปินส์ ได้แจ้งเตือนและติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ส่วนในไทยยังไม่มีการข่าวที่ระบุถึงการเชื่อมโยงในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ในส่วนที่ไทยมี ศูนย์ต่อต้านการก่อการร้ายสากล ก็พร้อมทำงาน เพราะเมื่อมีหน้าที่ก็ต้องมีความพร้อมเสมอ
+++นายปรเมธี วิมลศิริ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ เปิดเผยถึงกรณีระเบิดในพื้นที่กรุงเทพฯ ว่า เชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบถึงการลงทุนของภาคเอกชนอย่างแน่นอน เพราะเป็นสถานการณ์ที่รัฐบาลสามารถควบคุมสถานการณ์และดูแลได้ ส่วนในช่วงเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยก็ฟื้นตัวเพิ่มขึ้น ก็น่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสร้างความมั่นใจของนักลงทุน โดยเฉพาะต่างประเทศไทยร้อง"นายกฯ"เอาผิดผู้ว่าฯ อ้างละเลยให้ค้ามนุษย์ในพื้นที่
+++นางทิชา ณ นคร อดีตสมาชิก สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและเยาวชน พร้อมด้วย นายเตชาติ์ มีชัย ผู้ประสานงานเครือข่ายนักกฎหมายเพื่อเด็กและเยาวชน และตัวแทนองค์กรด้านเด็กและเยาวชน 13 องค์กร ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อเรียกร้องให้ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของกระบวนการสอบข้อเท็จจริงและการดำเนินคดีค้าประเวณีเด็ก จ.แม่ฮ่องสอน พร้อมขอให้เดินหน้านโยบายขจัดค่านิยมเลี้ยงดูปูเสื่อให้เป็นรูปธรรม แม้ไม่มีหลักฐานเอาผิด ผวจ.แม่ฮ่องสอนในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการค้าประเวณี แต่ผวจ. แม่ฮ่องสอนซึ่งดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการคุ้มครองเด็กจังหวัด และประธานศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ในระดับจังหวัด ย่อมมีหน้าที่สอดส่องป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าว แต่กลับละเลยให้มีกระบวนการค้าประเวณีเด็กในพื้นที่หรือไม่ จึงขอให้นายกฯ พิจารณาดำเนินการ 4 ข้อ คือ ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ( ดีเอสไอ) รับคดีค้าประเวณีเด็กและค้ามนุษย์ใน จ.แม่ฮ่องสอนเป็นคดีพิเศษ ,ให้ตรวจสอบความโปร่งใสของกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงของกระทรวงมหาดไทย และเอาผิดกับ ผวจ. แม่ฮ่องสอนฐานละเลยการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ,ให้มีการตรวจสอบและหาคนรับผิดชอบกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจนำภาพพยานผู้เสียหายมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชน รวมถึงให้มีมาตรการดูแลคุ้มครองพยาน และ ให้กวดขันนโยบายของนายกฯ ที่ต้องการขจัดค่านิยมเลี้ยงดูปูเสื่อ หรือจัดหาผู้หญิงเด็กเพื่อมาบริการให้แก่ข้าราชการ
+++กรณีตำรวจปราบปรามยาเสพติด ป.ป.ส. และ ปปง. ได้จับกุม นายไซซะนะ แก้วพิมพา ในข้อหาฟอกเงินและคดียาเสพติด และขยายผลจับกุมผู้ร่วมเครือข่าย อัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้อง นายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง นายสรรเสริญ รสานนท์ หรือ บอย และ นางสาวอังสุพร อินา เฉพาะข้อหาตามมาตรา 8 พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด โดยบางคนเป็นตัวการ บางคนเป็นผู้สนับสนุน และสำนวนคดี พ.ร.บ.มาตรการฯ ถูกส่งกลับมาให้อัยการสำนักงานคดียาเสพติด เพื่อยื่นฟ้องต่อศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ในวันนี้ เวลา 16.00 น. ส่วนที่ถูกกล่าวหาว่าผิดตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน ก็ให้แยกส่งสำนวนไปให้สำนักงานคดีพิเศษพิจารณาให้ทันเช่นกัน ซึ่งที่ผ่านมาผู้ต้องหาทั้งหมดได้ให้การปฏิเสธ สำหรับ นางสาวณปภา ตันตระกูล หรือ แพท ที่ถูกกล่าวหาตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน และตาม พ.ร.บ.มาตรการฯ ซึ่งได้ให้การปฏิเสธเช่นกัน โดยคดีของแพท อยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการ โดยยังไม่มีคำสั่งใดๆ หากพิจารณาแล้วเสร็จและฟ้องนางสาวณปภา ก็จะนำคำฟ้องมายื่นต่อศาลอาญา และเป็นไปได้ว่าจะฟ้องผู้ต้องหาทุกคน ในข้อหาต่างๆ กันให้ทันในวันเดียวกันนี้ อัยการคณะทำงานเห็นว่า ผู้ต้องหามีพฤติการณ์สมคบกันเพื่อรักษาไว้ หรือรักษา จ่ายแจกยาเสพติดในกลุ่มของ นายไซซะนะ แก้วพิมพา ที่ถูกฟ้องต่อศาลอาญาไปก่อนหน้านี้
+++ความคืบหน้า เหตุสยองฆ่าหั่นศพสาวจับยัดถังฝังดินในพื้นที่บ้านโนนสง่า ต.คำม่วง อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น โดยศพมีสภาพหน้าตาถูกทำร้ายอย่างโหดเหี้ยมจนบวมปูด ลำคอถูกรัด และเลื่อยตัดลำตัวจนขาดเป็น 2 ท่อน แขนซ้ายมีรอยสัก “Apichaya Yuntoon”ส่วนที่หน้าอกชวามีรอยสักว่า “poppy”รู้ชื่อต่อมาคือ น.ส.วาริสรา กลิ่นจุ้ย อายุ 22 ปี ทำงานอยู่ที่คาราโอเกะแห่งหนึ่ง พ.ต.อ.จรัสพัฒน์ สุตยสรณาคม รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น หัวหน้าชุดคลี่คลายคดีได้เรียกประชุมทีมในการเร่งรวบรวมข้อมูลและหลักฐานทั้งหมดเพื่อหาเบาะแสไล่ล่าตัวคนร้าย ขณะที่นายศักดิ์ชัย (สงวนนามสกุล) อายุประมาณ 36 ปี ช่างรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งเป็นสามีของผู้ตายก็เดินทางมาพบตำรวจเพื่อให้ปากคำ ส่วน น.ส.ป๊อปปี้ สาวทอมคนสนิทที่โดนเรียกสอบวานนี้ (25 พ.ค.) ให้การที่เป็นประโยชน์มาก พูดจาฉะฉานไม่ติดขัดเหมือนไม่ได้สร้างเรื่อง พอสอบเสร็จจึงปล่อยตัวกลับไป ขณะนี้ตำรวจกำลังสอบปากคำนายศักดิ์ชัยอยู่ในห้อง คาดว่าอีก 2 ชั่วโมงจะแล้วเสร็จ โดยมีสื่อมวลชนรอผลการให้สัมภาษณ์อยู่เป็นจำนวนมาก เนื่องจากคดีดังกล่าวผู้ก่อเหตุเหี้ยมโหดผิดมนุษย์ และเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เบื้องต้น มีรายงานว่า ผู้ตายเป็นลูกสาวคนเดียว ช่วงที่ทำงานอยู่ที่ร้านคาราโอเกะได้พบรักกับ น.ส.ป๊อปปี้ สาวทอม ทั้งคู่คบหาดูใจกันมานาน กระทั่งมารดาผู้ตายรู้เรื่อง และไม่พอใจ จึงพยายามจับทั้งคู่แยกจากกันด้วยให้ให้ผู้ตายไปแต่งงานกับนายศักดิ์ชัย เมื่อช่วงเดือน ก.พ. จากนั้นก็พากันไปอยู่ที่ กทม. แต่ด้วยความที่สามีต้องไปทำงานรับเหมาตามต่างจังหวัดบ่อยครั้ง ทำให้ผู้ตายเกิดเหงา มีการติดต่อกับสาวทอมตลอด ซึ่งพอสามีจับได้ก็เริ่มมีปากเสียงกันต่อเนื่อง ต่อมาผู้ตายได้ขอสามีและกลับมาที่ จ.ขอนแก่น อ้างว่าจะไปพักที่บ้านญาติเมื่อช่วงต้นเดือน พ.ค. ก่อนจะกลับมาพักอยู่กับสาวทอมโดยที่สามีไม่ทราบ สุดท้ายก็มากลายเป็นศพถูกฆ่าเหี้ยมดังกล่าว