ผู้แทนยูเอ็นวิตกชะตากรรมชาวมุสลิมกลุ่มน้อยในพม่า

27 กรกฎาคม 2557, 13:17น.


นางยางฮี ลี ผู้แทนองค์กรสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติประจำพม่าคนใหม่ แสดงความวิตกกังวัลต่อสภาพความเป็นอยู่ภายในค่ายพักพิงชั่วคราวของชาวมุสลิมชนกลุ่มน้อยที่หลบหนีเหตุรุนแรงจากในพื้นที่มาอาศัยอยู่ตามค่ายพักพิงมากกว่า 100,000 คน โดยเตือนว่า สถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในพม่าอาจจะกำลังย่ำแย่ลง เนื่องจากผู้ที่อยู่ตามค่ายพักพิงไม่ได้รับการดูแลที่ดีพอ มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เพราะขาดอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมทั้งไม่มีมาตรการป้องกันโรคระบาด



หลังเสร็จสิ้นภารกิจในการตรวจสอบสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในพม่าเป็นเวลา 10 วัน ผู้แทนองค์การสหประชาชาติกล่าวสรุปว่า รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของพม่าควรได้รับการยกย่องที่ได้เร่งพัฒนาด้านสิทธิมนุษยชนของพลเมือง หลังจากที่พลเมืองชาวพม่าต้องตกอยู่ภายใต้การปกครองในระบอบเผด็จการทหารมานานเกือบ 50 ปี แต่กลับยังมีสัญญาณความเป็นไปได้ว่าพม่าอาจกลับไปตกอยู่ในชะตากรรมเดิม หากยังไม่ดูแลปัญหาความแตกต่างระหว่างเชื้อชาติภายในชุมชน และส่งเสริมให้คนต่างเชื้อชาติ ต่างศาสนา เคารพสิทธิซึ่งกันและกัน



นอกจากนี้ในระหว่างการเดินทางเยือนพม่าเป็นเวลา 10 วัน ผู้แทนองค์การสหประชาชาติด้านสิทธิมนุษยชน ยังเข้าหารือกับเจ้าหน้าที่ในรัฐบาลพม่าและบรรดาผู้นำทางสังคม รวมทั้งยังได้เดินทางไปยังพื้นที่ที่ประสบปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนรุนแรง โดยเฉพาะที่รัฐยะไข่ที่มีความขัดแย้งระหว่างชาวพุทธและมุสลิมโรฮิงญา ตั้งแต่ พ.ศ. 2555 จนทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 280 คน และชาวมุสลิมโรฮิงญามากกว่า 100,000 คน ต้องอพยพออกจากพื้นที่



ในตอนท้าย ผู้แทนองค์การสหประชาชาติสรุปว่าชุมชนมุสลิมในพม่ายังคงเผชิญกับการถูกคุกคาม การเอารัดเอาเปรียบ และการเลือกปฏิบัติจากชนส่วนใหญ่ รวมทั้งจากทางการพม่าด้วย ทำให้ต้องถูกจำกัดสิทธิในความเป็นพลเมืองในทุกด้าน และวิตกว่าแผนการฟื้นฟูสันติภาพระยะยาวของรัฐบาลพม่าอาจนำไปสู่ความแตกแยกแบบถาวร จึงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายงดเว้นการสื่อสารในลักษณะที่แสดงถึงความเกลียดชัง โดยเฉพาะในสื่อมวลชนและสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งกระตุ้นให้ความแตกแยกและความรุนแรงแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว รวมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลถอนกฎหมายที่ส่งเสริมการจำกัดสิทธิพลเมืองของชาวมุสลิมด้วย



**12.07F174** 

ข่าวทั้งหมด

X