+++พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง การขับเคลื่อน Thailand 4.0 ในภาคใต้ ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ตำบลหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ในช่วงหนึ่งที่พูดถึงเรื่องความมั่นคง ก็คงมีแต่คำถามว่าจะสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้เมื่อใด ถามทุกวัน ซึ่งเชื่อว่าเดี๋ยวก็จับได้ เพราะคนเลวนั้นอยู่ได้ไม่นาน ก่อนหน้านี้ก็เกิดเหตุในสถานที่ที่ไม่ควรเกิด ซึ่งไม่ใช่จากสาเหตุอื่นอย่าไปคิด แต่เป็นเพราะยังมีคนไม่ดีอยู่ ซึ่งเราต้องกำจัดคนไม่ดีเหล่านี้ให้ได้ และถึงเวลาแล้วที่ทุกคนต้องร่วมมือกัน
+++ในช่วงหนึ่งของการพบกับผู้ที่มารับฟัง โดยเฉพาะนักเรียนนักศึกษา พล.อ.ประยุทธ์ ตอบคำถามกรณีว่าการเข้าสู่ไทยแลนด์ 4.0 จะสามารถลดความรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ได้หรือไม่ว่า ยืนยันจะไม่ใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหา แต่จะใช้เพียงการเมืองหรือการทหารเข้าไปแก้ไขปัญหาอย่างเดียวคงไม่ได้ จำเป็นต้องใช้หลักการบริหารและกระบวนการยุติธรรมเข้าไปดำเนินการเพราะเรื่องของการกระทบกระทั่ง มีกฎของการปะทะถ้าเราไปตอบโต้ก็ไม่จบ ก็จะเกิดความรุนแรงขึ้นมา ดังนั้นต้องใช้การบริหารงาน การพัฒนา และร่วมกันปฏิเสธความรุนแรงที่มาจากทั้งเรื่องยาเสพติดและการใช้อาวุธ ทุกคนต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตาแจ้งข่าวกับเจ้าหน้าที่ จะปล่อยให้ฝ่ายที่ก่อเหตุมาสร้างความรุนแรงหรือทำร้ายเด็กและเยาวชนอย่างนี้ต่อไปคงไม่ได้ ยืนยันว่าตัวเองและรัฐบาลก็พยายามที่จะแก้ไขปัญหาให้อย่างเต็มที่ในขณะนี้ และต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาหลายอย่างถูกบิดเบือนซึ่งเราต้องใช้การศึกษาเข้าไปพัฒนาและสร้างความเข้าใจปัญหาต่างๆที่เคยเกิดขึ้นก็จะค่อยๆลดลง
+++การส่งจดหมายแจ้งเตือนวางระเบิด พล.ต.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ ยอมรับว่า สถานพยาบาล ศาสนสถาน โรงเรียน ไม่ได้อยู่ในพื้นที่เฝ้าระวังในการก่อเหตุ โดยเราจะเน้นพื้นที่การท่องเที่ยวพื้นที่สาธารณะแหล่งชุมชนต่างๆ จากนี้ไปคงจะต้องเพิ่มพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เฝ้าระวังด้วย ยืนยันว่า มาตรการการดูแลรักษาความปลอดภัยที่มีในแต่ละพื้นที่สามารถป้องกันเหตุร้ายได้ ทั้งเรื่องคน รถ ที่จะนำพาสิ่งที่ไม่ดีเข้ามา โดยเฉพาะในสิ่งที่ผู้บังคับบัญชาได้เน้นย้ำเรื่องกล้องวงจรปิด หรือกล้อง CCTV ในแต่ละจุด การผ่านเข้าออกต่างๆ และเชื่อมั่นได้ว่ายังสามารถให้บริการประชาชนได้ เมื่อถามว่า ภาพแจกันดอกไม้ที่คาดว่าซุกซ่อนระเบิด และผู้ชายคนที่นั่งหลังสุดในบริเวณที่เกิดเหตุ จะโยงไปถึงผู้ก่อเหตุหรือไม่ พล.ต.เฉลิมพล กล่าวว่า คงต้องไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่สอบสวน ซึ่งทราบว่าเป็นภาพถ่ายจากการเซลฟี่ ของคนที่เข้าไปใช้บริการโรงพยาบาลและติดภาพบริเวณดังกล่าว และจากการตรวจสอบผู้ชายที่นั่งอยู่หลังสุดก็ได้รับบาดเจ็บด้วย ประเด็นดังกล่าวอาจจะเปลี่ยนไป
+++พล.ต.เฉลิมพล กล่าวว่า ลักษณะของภัยคุกคามจะเกิดกับเจ้าหน้าที่ และสถานที่ต่างๆ ซึ่งก่อนหน้านี้จะไม่มีเป้าหมายที่กระทบกับประชาชนผู้บริสุทธิ์ แต่เมื่อมีการเปลี่ยนเป้าหมายมาที่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ เจ้าหน้าที่ก็ได้เพิ่มมาตรการจากเดิมที่มีอยู่ อยากให้ช่วยกันระแวดระวัง แต่อย่าถึงกับตระหนกหรือกังวล
+++หลังเกิดเหตุระเบิดฆ่าตัวตายงานคอนเสิร์ตแมนเชสเตอร์ ที่อังกฤษ ทำให้ประเทศต่างๆ ทั่วโลกพากันเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยงานแสดงคอนเสิร์ต และการแข่งขันกีฬาประเภทต่างๆ เหตุการณ์ล่าสุด ทำให้มีการเปรียบเทียบกับเหตุโจมตีก่อนหน้านี้ในหลายประเทศของยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การลงมือโจมตีพร้อมกันทั้งโรงคอนเสิร์ตบาตากล็อง และสนามฟุตบอลแห่งชาติของฝรั่งเศส โดยฝีมือของพวกอิสลามสุดโต่ง เมื่อเดือน พ.ย.2558 ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 130 คน
+++ขณะที่ เจ้าหน้าที่ในประเทศอื่นๆจำนวนมาก ระบุว่า จะเพิ่มมาตรการเข้มงวดกวดขัน เพื่อให้ประชาชนเกิดความมั่นใจว่าปลอดภัยอีกครั้งหนึ่ง
+++ด้านกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯ แถลงว่า กำลังเฝ้าติดตามสถานการณ์ในเมืองแมนเชสเตอร์อย่างใกล้ชิด พร้อมระบุว่า ชาวอเมริกันอาจจะได้เห็นการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดมากขึ้นในเวลามีงานสาธารณะต่างๆ
+++เช่นเดียวกับเอเชียเวิลด์ เอ็กซ์โป ในฮ่องกง ซึ่งอาเรียนา แกรนเด มีกำหนดจะมาแสดงคอนเสิร์ตในเดือนก.ย.นี้ แถลงว่า จะยกระดับการรักษาความปลอดภัยการแสดงคอนเสิร์ต ตลอดจนการจัดงานต่างๆ ทั้งหมด ซึ่งนอกเหนือจากการตรวจกระเป๋าแล้ว จะใช้เครื่องตรวจจับโลหะ และสุนัขตรวจค้นด้วย
+++ส่วนเอสเอ็ม อินเวสต์เมนต์ส คอร์ป เจ้าของมอลล์ ออฟ เอเชีย อารีนา ในกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ที่แกรนเดจะไปแสดงในเดือน ส.ค.นี้ เผยว่า จะใช้มาตรการเฝ้าระวังไว้ก่อนทุกๆ อย่าง
+++นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรได้ประกาศยกระดับภัยคุกคามจากระดับ 4 (severe) เป็นระดับ 5 (critical) เพื่อเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยในกรณีที่อาจมีเหตุก่อการร้ายอีก สถานเอกอัครราชทูตฯ ขอให้คนไทยที่อยู่ในสหราชอาณาจักร เพิ่มความระมัดระวังในการเดินทางสัญจรและการเดินทางไปยังพื้นที่สาธารณะ โดยขอให้ติดตามข่าวสารและขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของทางการสหราชอาณาจักร สำหรับผู้ที่จะเดินทางมาสหราชอาณาจักรในช่วงนี้ โปรดติดตามข่าวสารของทางการอย่างใกล้ชิด เพื่อประกอบการกำหนดแผนการเดินทาง ในช่วงที่มีการประกาศยกระดับภัยคุกคามนี้ คาดว่า การบังคับใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยของทางการสหราชอาณาจักรจะเป็นไปอย่างเข้มข้น โปรดให้ความร่วมมือกับทางการในทุกเรื่อง และกรุณาแจ้งข้อมูลที่พักและช่องทางการติดต่อกับสถานเอกอัครราชทูตฯ เพื่อการประสานงานในกรณีที่จำเป็น ทั้งนี้ ในกรณีฉุกเฉิน สามารถติดต่อสถานเอกอัครราชทูตฯ ที่หมายเลข 07918651720, 07436831519
+++นายอัครณัฐ หรือน็อต อริยฤทธิ์วิกุล อายุ 29 ปี อดีตพิธีกรดังรายการเวคคลับ และนายวิทวัส ศรีบัณฑิตมงคล อายุ 29 ปี เพื่อนนายอัครณัฐ เป็นจำเลยที่ 1-2
ในความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297, ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดฯ โดยใช้กำลังประทุษร้ายจนต้องกระทำการนั้น มาตรา 309, หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นฯ มาตรา 310 และกระทำการอันเป็นการรังแกหรือข่มเหงผู้อื่นให้ได้รับความอับอายหรือความเดือดร้อนรำคาญ มาตรา 397 ที่ศูนย์ไกล่เกลี่ย ชั้น 10 ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถนนเจริญกรุง ซอย 63 ศาลนัดไกล่เกลี่ยค่าเสียหายทางแพ่ง คดีดำ กล.142/2560 ที่พนักงานอัยการคดีอาญากรุงเทพใต้ 2 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง จำเลยที่ 1-2 ทำร้ายนายกิตติศักดิ์ หรือบอย สิงห์โต พนักงานคัดกรองเอกสาร สำนักงานสรรพากรพื้นที่ตลิ่งชัน ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นคู่กรณีที่ขี่รถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนรถยนต์ยี่ห้อ มินิ ของนายอัครณัฐ จำเลยที่ 1 บริเวณปากซอยเจริญกรุง 44 แขวง-เขตบางรัก แล้วจำเลยที่ 1 ได้ใช้ฝ่ามือตบที่ใบหน้าของผู้เสียหาย 2 ครั้ง จนได้รับบาดเจ็บ
+++นายอัครณัฐ จำเลยที่ 1 ซึ่งมีสีหน้ายิ้มแย้ม เดินทางมาพร้อมกับนายวิทวัส จำเลยที่ 2 โดยไม่ให้สัมภาษณ์ ขณะที่นายกิตติศักดิ์ หรือบอย ผู้เสียหาย พร้อมมารดา และนายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ทนายความ เดินมาศาลเช่นกัน
+++นายสงกานต์ ทนายความ กล่าวว่า ผู้เสียหายยังไม่เคยได้รับการชดใช้ใดๆ ซึ่งวันนี้จะมีการพูดคุยถึงการรักษาพยาบาล เพื่อให้จำเลยชดใช้ค่าใช้จ่ายตามจริง ผู้เสียหายเตรียมยื่นคำร้องต่อศาลรวม 2 ส่วน คือ การขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมและคำร้องขอชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในส่วนของนายกิตติศักดิ์ ผู้เสียหายก็ถูกดำเนินคดีด้วย
+++กระทรวงสื่อสารกาตาร์ เปิดเผยว่า สำนักข่าวของทางการกาตาร์ ถูกแฮกเกอร์ที่ยังไม่ทราบว่าเป็นกลุ่มใด เจาะระบบข้อมูลและเผยแพร่ข่าวเท็จเกี่ยวกับรัฐบาล แต่ต่อมาทางสำนักข่าวออกประกาศผ่านทางทวิตเตอร์ขอให้สื่อจากสำนักต่าง ๆ ไม่นำข่าวที่มีการรายงานก่อนหน้านี้ไปเผยแพร่ต่อ สำหรับข่าวที่ถูกแฮกเกอร์เจาะระบบเข้าไปแก้ไขและเผยแพร่ข่าวเท็จคือข่าวที่มีการอ้างถึงคำกล่าวของชีค ทามิม บิน ฮามัด อัลทานี ผู้ปกครองกาตาร์ เกี่ยวกับประเด็นทางการเมืองที่มีความอ่อนไหว ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่านกับอิสราเอล จนถึงประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับยังมีอีกหลายข่าวที่ทางการกาตาร์กำลังสอบสวนเหตุการณ์ พร้อมย้ำว่า รายงานข่าวที่มีการเผยแพร่ก่อนหน้านั้นเป็นข่าวเท็จ และห้ามนำไปเผยแพร่
แฟ้มภาพ