ปธน.สหรัฐประณามอิหร่านสนับสนุนกลุ่มหัวรุนแรง/เอเปกเสนอรวมกลุ่มทีพีพี

23 พฤษภาคม 2560, 06:10น.


ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เดินทางออกจากซาอุดีอาระเบีย เพื่อเยือนอิสราเอลและปาเลสไตน์ ซึ่งคณะรัฐมนตรีอิสราเอลลงมติเห็นชอบโครงการพัฒนาเศรษฐกิจปาเลสไตน์ให้ดีขึ้นทั้งในเขตเวสต์ แบงก์และฉนวนกาซา เพื่อเป็นมาตรการสร้างความเชื่อมั่นก่อนที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะเข้าพบประธานาธิบดีมาห์มูด อับบาส แห่งปาเลสไตน์



ทั้งนี้เมื่อวันอาทิตย์ ประธานาธิบดี ทรัมป์ กล่าวสุนทรพจน์ในระหว่างการประชุมที่ซาอุดีอาระเบีย เรียกร้องให้ผู้นำชาติอาหรับและมุสลิม ร่วมกันปราบปรามกลุ่มหัวรุนแรงและลัทธิก่อการร้าย พร้อมประณามว่าอิหร่านคือรัฐที่ให้ทุนสนับสนุนกลุ่มก่อความไม่สงบ



นายจาวัด ซาริฟ รัฐมนตรีการต่างประเทศอิหร่าน ทวีตข้อความตอบโต้สหรัฐฯ ว่าประธานาธิบดีทรัมป์เอาใจซาอุดีอาระเบียด้วยข้อตกลงทางธุรกิจมูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์



จากนั้นในการเยือนอิสราเอล ประธานาธิบดีทรัมป์ ให้คำมั่นอีกครั้งว่าจะไม่ยอมให้อิหร่านมีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง ทั้งเห็นว่าอิหร่านกำลังขยายอิทธิพลผ่านความขัดแย้งซีเรีย เยเมนและอิรัก



เกาหลีเหนือประกาศว่า ขีปนาวุธพิสัยกลางพุกกุกซอง-2 มีความพร้อมที่จะผลิตออกมาจำนวนมากและนำเข้าประจำการใช้งานทันที ภายหลังประสบความสำเร็จในการทดสอบเมื่อวันอาทิตย์ ทั้งอ้างว่า ฮาวาย และอะแลสกาอยู่ภายในเป้าหมายการทดสอบขีปนาวุธเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และไม่ใส่ใจท่าทีของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ซึ่งประชุมฉุกเฉิน และนานาชาติที่ออกแถลงการณ์ประณาม



ด้านประธานาธิบดีมุน แจอินของเกาหลีใต้ เปลี่ยนนโยบายที่ให้ไว้ในระหว่างการหาเสียง ที่ว่า จะทบทวนการติดตั้งระบบป้องกันภัยขีปนาวุธขั้นสูงของสหรัฐฯ หรือทาด ที่ถูกจีนคัดค้านอย่างหนัก ซึ่งนายลี ดุคเฮง รัฐมนตรีกระทรวงรวมชาติของเกาหลีใต้ แถลงว่า แม้เกาหลีใต้จะตอบโต้การยั่วยุของเกาหลีเหนืออย่างแข็งกร้าว แต่ก็ไม่ต้องการให้สถานการณ์บานปลายถึงขั้นตัดสัมพันธ์กัน



ที่ประชุมระดับรัฐมนตรีเศรษฐกิจกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (เอเปก) ที่กรุงฮานอย เมืองหลวงเวียดนาม เมื่อวานนี้มีข้อเสนอจัดตั้งหุ้นส่วนความร่วมมือด้านเศรษฐกิจในภูมิภาค หรือ Regional Comprehensive Economic Partnership (RCEP) โดยได้รับการสนับสนุนจากจีน เพื่อรวบรวมกลุ่มเอเปกเข้ากับกลุ่มความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก หรือทีพีพี และจะทำให้ RCEP กลายเป็นกลุ่มเศรษฐกิจใหญ่ที่สุด เพราะจะประกอบไปด้วยจีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ร่วมกับกลุ่มชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้มีพื้นที่การค้าเสรีครอบคลุมประชากรมากกว่า 3,500 ล้านคน หรือราวครึ่งหนึ่งของโลก



ส่วนในการประชุมกลุ่มความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก หรือทีพีพี กลุ่มประเทศสมาชิก 11 ประเทศมีความเห้นพ้องที่จะเร่งผลักดันข้อตกลงทางการค้าต่อต่อไป แม้ว่าสหรัฐฯประกาศถอนตัวจากกลุ่ม ซึ่งทำให้จีนมองเห็นโอกาสควบรวมกลุ่มเอเปกเข้ากับทีพีพี และเข้าใกล้เป้าหมายตามนโยบาย “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” เพื่อขยายอิทธิพลทางการค้า นายฌอง-ปอล ลาบอร์เด หัวหน้าสำนักงานต่อต้านก่อการร้าย ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เปิดเผยว่า ยุโรปจะต้องเผชิญกับการที่สมาชิกของกลุ่มรัฐอิสลามหรือไอเอส จะเดินทางเข้ามาในพื้นที่ หลังจากที่กลุ่มพ่ายแพ้ในสงครามซีเรียและอิรัก ซึ่งจะส่งผลให้ระดับภัยคุกคามในยุโรปตะวันตกสูงขึ้น



ศูนย์สังเกตการณ์อพยพภายในของสภาผู้ลี้ภัยนอร์เวย์รายงานว่า ในปี 2559 ความขัดแย้ง, ความรุนแรง และภัยพิบัติทางธรรมชาติเป็นต้นเหตุให้มีการอพยพของประชาชนมากกว่า 31 ล้านคน โดยจีนมีผู้คนอพยพเพราะปัญหาภัยธรรมชาติมาก ถึง 7,400,000 คน รองลงมาคือ ฟิลิปปินส์ 5,900,000 คน, อินเดีย 2,400,000 คน ส่วนชาติที่ประชาชนไร้ที่อยู่เนื่องจากความขัดแย้งและสงครามกลางเมืองมากที่สุดคือ คองโก 922,000 คน, ซีเรีย 824,000 คน และอิรัก 659,000 คน



ตำรวจบราซิลกว่า 900 นาย เข้าตรวจค้นพื้นที่แห่งหนึ่งในนครเซาเปาโล เพื่อปราบปรามแก๊งค้ายาเสพติด โดยในปฏิบัติการที่มีขึ้นเพื่อฟื้นฟูย่านใจกลางเมืองที่เศรษฐกิจซบเซามานานหลายปี เพราะปัญหาอาชญากรรมที่เพิ่มสูงขึ้น จนกลายเป็นที่กลายเป็นที่อยู่อาศัยของกลุ่มผิดกฎหมายและคนจรจัด ทำให้รัฐบาลต้องเร่งปราบปรามแก๊งค้ายาเสพติดที่สร้างปัญหาให้แก่สังคม ซึ่งจากปฏิบัติการครั้งนี้ ตำรวจจับกุมผู้ต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดจำนวน 38 ราย และออกหมายจับ 69 ราย  พร้อมกับยึดโคเคน 10 กิโลกรัม และอาวุธอีกหลายชนิด



นายอลัน ปีเตอร์ คาเยตาโน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ ชี้แจง กรณีที่ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตร์เต บอกว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีนกล่าวว่า จีนจะทำสงครามกับฟิลิปปินส์ หากรัฐบาลฟิลิปปินส์ ยืนกรานโครงการขุดเจาะน้ำมันในพื้นที่พิพาททะเลในจีนใต้ โดยชี้แจงว่าคำกล่าวนี้ไม่ได้เป็นการข่มขู่กันและกัน แต่เป็นการพูดคุยเพื่อป้องกันความขัดแย้ง



ทีมทนายของนายบาซุกี ปูร์นามา หรือ อาฮ็อกผู้ว่าการกรุงจาการ์ตาในอินโดนีเซีย ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลสูงให้มีการปล่อยตัวหรือประกันตัวระหว่างการเดินเรื่องสู้คดี หลังศาลตัดสินให้จำคุก 2 ปีในข้อหาดูหมิ่นศาสนาอิสลาม โดยที่ไม่ได้ไต่สวนพยานจำเลย ขณะที่กลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติก็เรียกร้องให้ปล่อยตัวนายอาฮ็อก และให้ทบทวนกฎหมายหมิ่นศาสนา



ในวันพฤหัสบดีนี้ จะมีการประชุมระหว่าง กลุ่มโอเปกและประเทศนอกโอเปกที่กรุงเวียนนา ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะมีการพูดคุยกันเกี่ยวกับการลดกำลังการผลิตเพื่อผลักดันราคาให้เพิ่มขึ้น



สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 40 เซนต์ ปิดที่ 50.73 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล



ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอนงวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 26 เซนต์ ปิดที่ 53.87 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล



ส่วนหุ้นสหรัฐฯ ได้แรงสนับสนุนจากข้อตกลงขายอาวุธให้กับอิหร่านมูลค่าแสนล้านดอลลาร์



ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 89.99 จุด ร้อยละ 0.43 ปิดที่ 20,894.83 จุด



เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 12.29 จุด หรือร้อยละ 0.52 ปิดที่ 2,394.02 จุด



แนสแดค เพิ่มขึ้น 49.92 จุด หรือร้อยละ 0.82 ปิดที่ 6,133.62 จุด

       

..

ข่าวทั้งหมด

X