หลังจากที่มีการเผยแพร่คลิปวีดีโอผ่านสื่อออนไลน์ กรณีที่สิบเวรสถานีตำรวจภูธรโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด เปิดประตูห้องขังให้ 2 หญิงสาวเข้าไปเยี่ยมผู้ต้องขังชาย 2 คน จนเป็นเหตุให้ผู้ต้องหาหลบหนีออกไปได้
พลตำรวจตรี ทรงพล วัธนะชัย รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ได้ดำเนินคดีดาบตำรวจ ฉลาด แน่นอุดร สิบเวร ในข้อหา เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157, เป็นเจ้าพนักงานกระทำอันใดให้ผู้ต้องหาหลบหนี, เป็นเจ้าพนักงานที่อยู่ในความรับผิดชอบควบคุมผู้ต้องหา เป็นเหตุให้ผู้ต้องหาหลบหนี เบื้องต้นสั่งพักราชการไว้แล้ว ส่วนเรื่องการตรวจสอบความสัมพันธ์ของสิบเวรกับผู้ต้องหา อยู่ในการตรวจสอบของฝ่ายสืบสวน ว่าเป็นความตั้งใจหรือประมาทเลินเล่อ ซึ่งเบื้องต้น กรณีที่จะปล่อยให้ญาติหรือบุคคลภายนอกเข้าเยี่ยม ต้องได้รับความเห็นชอบจากร้อยเวรก่อน และต้องเป็นกรณีเร่งด่วนฉุกเฉิน เช่น ผู้ต้องหาเจ็บป่วย จำเป็นต้องเร่งนำส่งโรงพยาบาล ซึ่งมีหลักเกณฑ์กฎระเบียบในการพิจารณาอยู่แล้ว ซึ่งต้องรอผลการพิจารณาของตำรวจภูธรภาค 4 รายงานผลกลับมาอีกครั้ง
ขณะเดียวกันก็ได้แจ้งดำเนินคดีกับญาติของผู้ต้องหา ฐานให้การช่วยเหลือผู้กระทำความผิด กับสั่งการให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ปูพรมค้นหาตัวผู้ต้องหาแล้ว คาดว่าจะสามารถจับกุมตัวได้เร็วๆนี้
ส่วนกรณีที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ และตำรวจภูธรจังหวัดฉะเชิงเทรา รายงานว่าเกิดเหตุขัดข้องของระบบรับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191 โดยคาดว่าถูกไวรัสมัลแวร์ พลตำรวจตรีทรงพล กล่าวว่า ได้มอบให้กองสารนิเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้ามาตรวจสอบและแก้ไขแล้ว คาดว่าจะสามารถแก้ไขคอมพิวเตอร์ให้กลับมาเป็นปกติภายใน 1 สัปดาห์ ซึ่งล่าสุดได้รับรายงานว่ามี สำนักงานตำรวจภูธรจังหวัดเพิ่มอีก 14 แห่ง ที่ถูกไวรัสมัลแวร์โจมตี ประกอบด้วย เลย ร้อยเอ็ด อุดรธานี สุราษฎร์ธานี สงขลา นครสวรรค์ นครศรีธรรมราช เพชรบูรณ์ ชลบุรี แพร่ พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี มุกดาหาร และประจวบคีรีขันธ์ แต่ยืนยันว่าระบบข้อมูลสำคัญของหน่วยงานไม่ได้รับความเสียหาย เพราะมีการสำรองข้อมูล ยืนยันว่าไม่ส่งผลกระทบต่อการรับแจ้งเหตุฉุกเฉิน ยังสามารถแจ้งได้ตามปกติ
..
ผสข.ธนดา เฉลิมวันเพ็ญ