นายฮัสซัน รูฮานีได้รับเลือกตั้งให้เป็นประธานาธิบดีอิหร่านสมัยที่ 2 ในการเลือกตั้ง ซึ่งมีขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นายรูฮานีได้รับคะแนนเลือกตั้งร้อยละ 57 มากกว่าผู้ท้าชิงคนสำคัญ คือนายอิบราฮิม ไรซี ซึ่งได้รับคะแนนเลือกตั้งร้อยละ 38 หลังทราบผลการเลือกตั้ง ประธานาธิบดีรูฮานีในวัย 68 ปีกล่าวให้คำมั่นว่าจะเปิดประเทศอิหร่านสู่โลกภายนอกให้มากขึ้น รวมทั้งจะทำให้ชาวอิหร่านมีเสรีภาพมากขึ้นด้วย ในการปราศรัยผ่านสถานีโทรทัศน์ ประธานาธิบดีรูฮานียังท้าทายคำสั่งของศาลที่ห้ามบุคคลเอ่ยชื่อของนายโมฮัมหมัด คาตามี อดีตผู้นำหัวก้าวหน้าของอิหร่านออกอากาศ ด้วยการกล่าวยกย่องถึงความเป็นผู้นำของอดีตประธานาธิบดีคาตามี ขณะเดียวกันเขายังประกาศนโยบายในการต่อต้านความรุนแรงต่างๆ และจะทำงานเพื่อชาวอิหร่านทุกคน ชัยชนะของประธานาธิบดีรูฮานีสร้างความผิดหวังให้กับกลุ่มที่เคร่งศาสนา รวมทั้งอยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำจิตวิญญาณสูงสุดของชาวอิหร่าน ซึ่งให้การสนับสนุนนายไรซี แต่ชัยชนะครั้งนี้ได้สร้างความมั่นใจต่อนานาประเทศว่าข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่านจะยังคงดำเนินต่อไป แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ จะเคยปรารภว่าเป็นข้อตกลงที่เลวร้ายที่สุดก็ตาม ขณะที่บรรดานักวิเคราะห์ทางการเมืองในตะวันออกกลางแสดงความเห็นว่าชัยชนะของประธานาธิบดีรูฮานีอาจนำไปสู่การกำหนดนโยบายแบบเผชิญหน้าด้านการทหารภายในภูมิภาคมากกว่าเดิม รวมทั้งการเผชิญหน้ากับสหรัฐฯ และซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นปฏิปักษ์กับอิหร่านมาช้านาน ขณะที่บรรดาผู้นำหลายประเทศต่างส่งสารแสดงความยินดีกับประธานาธิบดีรูฮานี โดยเฉพาะประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ผู้นำซีเรียที่ประกาศแสวงหาความร่วมมือกับอิหร่านเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงและเสถียรภาพต่อทั้งสองประเทศ ภูมิภาค และโลก
**7.01F174**