นายคิม อิน-รยอง อัครราชทูตเกาหลีเหนือประจำสหประชาชาติ ปฏิเสธกรณีนักวิจัยทั้งสหรัฐฯ รัสเซีย และอิสราเอลต่างบ่งชี้ว่า เกาหลีเหนือมีความเชื่อมโยงกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของมัลแวร์เรียกค่าไถ่ที่ชื่อ "วันนาคราย (WannaCry)” โดยระบุว่า เป็นเรื่องน่าขัน ไร้สาระ ทั้งยังโต้กลับว่า สหรัฐฯ และเกาหลีใต้เป็นผู้อยู่เบื้องหลังข้อกล่าวหา เพื่อหวังการโฆษณาชวนเชื่อเป็นวงกว้าง ทั้งนี้ นายนีล เมห์ตา นักวิจัยของบริษัทกูเกิล พยายามชี้ให้เห็นถึงการทำงานเข้ารหัสของมัลแวร์ดังกล่าวว่า มีลักษณะคล้ายกับที่กลุ่ม “ลาซารัส” กลุ่มแฮคข้อมูลที่มีความเชื่อมโยงกับเกาหลีเหนือ เคยใช้ในอดีต ขณะที่บริษัทฮัวรี ซึ่งดูแลความปลอดภัยทางอินเตอร์เน็ตของเกาหลีใต้ ก็เคยเตือนให้ระวังการโจมตีของมัลแวร์เรียกค่าไถ่ตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยนายไซมอน ชอย เจ้าหน้าที่ของบริษัทดังกล่าวเปิดเผยว่า มัลแวร์ “วันนาคราย” ใช้วิธีเข้ารหัสข้อมูลในคอมพิวเตอร์ในลักษณะเดียวกับที่เกาหลีเหนือเคยใช้โจมตีเป้าหมายทั้งบริษัทโซนี่พิคเจอร์สและบังกลาเทศในครั้งก่อน ทั้งนี้ มัลแวร์ “วันนาคราย” จะทำงานด้วยการบล็อกไฟล์เอกสารต่างๆ ในคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ของไมโครซอฟท์รุ่นเก่าที่ต่ำกว่าวินโดวส์ 10 ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถเปิดหรือดาวน์โหลดข้อมูลที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ของตัวเองได้ นอกจากจะต้องจ่ายเงินค่าไถ่เป็นเงินบิทคอยน์ นอกจากนี้ ยังสามารถกระจายไวรัสจากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังเครื่องอื่นๆ ในเครือข่ายได้โดยอัตโนมัติ โดยล่าสุดส่งผลกระทบกับคอมพิวเตอร์ใน 150 ประเทศทั่วโลกเป็นจำนวนสูงถึง 300,000 เครื่อง
ทีมต่างประเทศ
CR:NDTV.com