ทันสถานการณ์โลก 06.30 น.
+++สำนักข่าวอัลจาซีเราะห์ของกาตาร์รายงานอ้างตำรวจอัฟกานิสถานว่ากลุ่มรัฐอิสลามในอิรักและซีเรีย(กลุ่มไอเอส)อ้างว่าอยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติหรืออาร์ทีเอในเมืองจาลาลาบัด ทางภาคตะวันออกของอัฟกานิสถาน วานนี้ ทำให้มีคนเสียชีวิต 6 ศพ ในจำนวนนี้รวมถึงคนร้าย 3 ศพ คนในสถานีวิทยุโทรทัศน์ 2 ศพและตำรวจ 1 ศพ มีคนบาดเจ็บ 16 คน รวมถึงนักข่าวหลายคน นับเป็นเหตุโจมตีองค์กรสื่อครั้งล่าสุดในอัฟกานิสถาน สถานการณ์ในขณะนี้สิ้นสุดลงแล้ว เจ้าหน้าที่ความมั่นคงสามารถควบคุมสถานการ์ได้ทั้งหมดแล้ว
+++ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียแถลงว่ารัฐบาลรัสเซียพร้อมจะส่งมอบบันทึกการสนทนาในทำเนียบขาวของสหรัฐฯเมื่อสัปดาห์ที่แล้วระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯกับนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียไปให้สภาคองเกรสสหรัฐฯพิจารณา เพื่อยืนยันว่านายทรัมป์ได้เปิดเผยข้อมูลข่าวกรองระหว่างการพบปะกันครั้งนี้หรือไม่ ผู้นำรัสเซียแถลงเรื่องนี้ในเมืองโซชิในวันนี้ว่า รัสเซียสามารถจะส่งมอบบันทึกสนทนาให้กับสภาคองเกรสสหรัฐฯและส่งเจ้าหน้าที่ไปชี้แจงทัศนะของรัฐบาลรัสเซียเพิ่มเติมได้ ถ้าหากรัฐบาลสหรัฐฯเห็นควรให้รัสเซียทำเช่นนั้น
+++ผู้นำรัสเซียยังได้ตำหนิสื่อที่รายงานเรื่องนี้ว่าเป็นโรคจิตประเภทหวาดระแวงทางการเมือง ที่ผ่านมานายทรัมป์ถูกหลายฝ่ายรวมถึงหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ของสหรัฐฯวิจารณ์อย่างหนักในเรื่องประเด็นที่มีการพูดคุยในห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาวกับนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียและนายเซอร์เก คิสลียัค เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหรัฐฯเมื่อวันพุธที่แล้ว ซึ่งนายทรัมป์ได้เปิดเผยกับเจ้าหน้าที่รัสเซียในเรื่องข่าวกรองซึ่งแหล่งข่าว 2 คนบอกกับซีเอ็นเอ็นว่าเป็นข้อมูลลับ
+++รอยเตอร์รายงานอ้างหนังสือพิมพ์ไชนา เดลีของรัฐบาลจีนว่า บทบรรณาธิการของสื่อของทางรัฐบาลจีนวิจารณ์รัฐบาลสหรัฐฯว่า มีความพยายาม ที่จะขัดขวางหลายฝ่ายในการการป้องกันภัยคุกคามต่อระบบไซเบอร์ทั่วโลก เป็นเหตุให้ไวรัสชื่อวอนนาครายติดคอมพิวเตอร์กว่า 300,000 เครื่องทั่วโลกในช่วง 2-3 วัน ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐฯ โดยเฉพาะสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ(เอ็นเอสเอ)ควรจะถูกตำหนิสำหรับเหตุโจมตีทางไซเบอร์ดังกล่าว ซึ่งมุ่งจะโจมตีจุดอ่อนของระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ของไมโคซอฟท์ ส่งผลให้คอมพิวเตอร์ในองค์กรต่างๆของจีนราว 30,000 แห่งติดไวรัสนับตั้งแต่วันเสาร์ที่แล้ว พร้อมย้ำว่า สหรัฐฯไม่มีหลักฐานที่หนักแน่นพอในการสั่งบริษัทหัวเว่ยเทคโนโลยี ผู้ผลิตอุปกรณ์เครือข่ายและอุปกรณ์โทรคมนาคมของจีนให้ระงับการทำธุรกิจในสหรัฐฯชั่วคราวหลังเกิดเหตุโจมตีทางไซเบอร์ครั้งนี้ วิจารณ์สหรัฐฯว่าใช้นโยบายสองมาตรฐาน ทั้งๆเอ็นเอสเอของสหรัฐฯซึ่งผลิตอุปกรณ์สำหรับแฮกข้อมูลทำงานบกพร่อง เป็นเหตุให้เครื่องมือแฮกข้อมูลรั่วไหลไปสู่มือของแฮกเกอร์โดยตรง โดยที่บริษัทหัวเว่ยเทคโนโลยีของจีนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับเรื่องนี้ กลับถูกสั่งระงับการทำธุรกิจชั่วคราวในสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้เอ็นเอสเอยอมรับวาเครื่องมือแฮกข้อมูลของเอ็นเอสเอรั่วไหลไปสู่มือแฮกเกอร์และถูกนำไปเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์เมื่อเดือนเมษายน
++++ราคาน้ำมันโลก ปิดตลาดเมื่อคืนนี้ สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 41 เซนต์ ปิดที่ 49.07 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอนงวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 56 เซนต์ ปิดที่ 52.21 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ข้อมูลของสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงาน(อีไอเอ)ของสหรัฐฯที่เผยแพร่ในวันพุธ(17พ.ค.) พบคลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 12 พฤษภาคม ลดลง 1.8 ล้านบาร์เรล นับเป็นการลดลง 6 สัปดาห์ติดต่อกัน รายงานของอีไอเอยังพบด้วยว่าคลังเบนซินสำรองลดลง 400,000 บาร์เรล ส่วนสต๊อกน้ำมันกลั่นลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดหมายว่าสตีฮกเบนซินและน้ำมันกลั่น จะลดลงราวๆ 500,000 บาร์เรลและ 1.3 ล้านบาร์เรลตามลำดับ
+++ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันพุธ(17พ.ค.) ดิ่งลงแรก โดยเอสแอนด์พี 500 ทุบสถิติเป็นวันที่ร่วงหนักที่สุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน หลังบันทึกของเจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการเอฟบีไอ บ่งชี้ว่าประธานาธิบดีทรัมป์ พยายามแทรกแซงเอฟบีไอให้ยุติการสอบสวนอดีตที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของผู้นำรายนี้ ส่วนดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ลดลง 372.82 จุด (1.78 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 20,606.93 จุด ข่าวดังกล่าวถือเป็นเรื่องอื้อฉาวล่าสุดในสัปดาห์แห่งความยุ่งเหยิงของทำเนียบขาว หลังจากก่อนหน้านี้ ทรัมป์ สร้างความตกตะลึงด้วยการไล่โคมีย์ออกจากตำหน่ง และมีการออกมาแฉว่า ทรัมป์ เปิดเผยข้อมูลลับสุดยอดแก่รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เกี่ยวกับแผนปฏิบัติการต่อต้านรัฐอิสลาม(ไอเอส) ความกังวลต่อสถานการณ์ที่ยุ่งเหยิงในทำเนียบขาว กระตุ้นให้นักลงทุนหันถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ และส่งให้ราคาทองคำในวันพุธ(17พ.ค.) พุ่งกว่า 22 ดอลลาร์ โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 22.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,258.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์
+++กระทรวงกิจการทางทะเลของเกาหลีใต้แถลงว่าผลตรวจดีเอ็นเอยืนยันว่ากระดูกต้องสงสัยชิ้นหนึ่งขนาด 34 ซม.ที่ทีมนักประดาน้ำพบในจุดที่เรือเฟอร์รีเซวอลอัปปางนอกชายฝั่งเกาะจินโด ทางภาคใต้ของประเทศเมื่อ 3 ปีก่อน เป็นกระดูกของนายโค ชาง-ซก ครูโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายแดนวอน หนึ่งในผู้สูญหาย 9 ราย ที่ผ่านมาญาติผู้สูญหายเรียกร้องมาตลอดให้รัฐบาลช่วยค้นหาศพผู้สูญหายให้เจอเพื่อจะได้นำศพไปทำพิธีทางศาสนา ก่อนหน้านี้เรือที่อับปางเพิ่งจะถูกทีมกู้เรือยกเรือขึ้นตั้งลำก่อนจะใช้เรือลากทำการชักลากเรือเซวอลไปเทียบท่าเรือบริเวณชายฝั่งได้สำเร็จเมื่อเดือนมีนาคม หรือ 3 ปีหลังการอับปางวันที่ 16เมษายน 2557 มีคนเสียชีวิต 304 ศพ ส่วนใหญ่เป็นนักเรียนชั้นมัยธมศึกษาฯดังกล่าวที่เดินทางไปทัศนะศึกษาที่เกาะเชจูทางภาคใต้ของประเทศ ส่วนผลสอบสวนคดีนี้สรุปสาเหตุร่วมหลายอย่างที่เป็นต้นเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้คือการต่อเติมโครงสร้างเรือโดยผิดกฎหมาย การบรรทุกสินค้าเกินพิกัด ลูกเรือไม่มีประสบการณ์ในการขับเรือขณะกระแสน้ำเชี่ยวและการไม่บังคับใช้กฏระเบียบอย่างจริงจังของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่วนกัปตันเรือถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดฐานฆาตกรรม