ข่าวเที่ยง
+++พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะหัวหน้าคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์แก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คปต.) ส่วนหน้า กล่าวว่า จะต้องมีการปรับงานด้านการข่าวให้เข้าถึงมากยิ่งขึ้น และในส่วนการปฏิบัติในระดับทางยุทธวิธีของผู้ปฏิบัติ โดยยอมรับว่า จะมีการตั้งผู้ช่วยทูตตำรวจประจำประเทศมาเลเซีย เพื่อประสานงานร่วมกัน แต่ยังไม่ลงตัว เป็นเพียงข้อคิดเห็นขั้นเริ่มต้นว่าน่าจะมีผู้ช่วยทูตตำรวจ แต่ในความเป็นจริงผู้ประสานงานก็มีอยู่แล้ว เพราะทางมาเลเซียมีการดูแลผู้ที่มีการเคลื่อนไหวในประเทศไทยที่ไปอาศัยอยู่ในมาเลเซียอยู่แล้ว ถือเป็นหน้าที่ของตำรวจสันติบาลเป็นหลัก ไม่ใช่กองทัพ เพราะกองทัพบกของมาเลเซียดูแลภาพรวมในการป้องกันประเทศ แต่เรื่องราวที่เกี่ยวกับเราก็คือตำรวจ ดังนั้น จึงควรมีการประสานงานในระดับตำรวจด้วยกัน แต่ขอย้ำว่าทุกอย่างยังไม่ลงตัว เป็นเพียงข้อคิดเห็น ที่จะต้องมีการหารือร่วมกันต่อไปถ้าเห็นชอบ จะต้องนำเรียนเพื่อขออนุมัติต่อไป
+++ส่วนโครงการพาคนกลับบ้านต้องมีการคัดกรองเพิ่มขึ้นหรือไม่ เพื่อปิดกั้นช่องโหว่ที่อาจจะเกิดขึ้น พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ต้องมีความเข้มงวด ในเรื่องของรายละเอียดมากยิ่งขึ้น เนื่องจากส่วนหนึ่งเมื่อรับเข้ามาแล้วต้องมีการอบรมเพิ่มปรับแนวความคิด ในเรื่องต่างๆที่เขาคิดผิดพลาดไป ต้องทำความเข้าใจเรื่องต่างๆ อย่างเข้มงวดมากขึ้น รวมทั้งต้องตรวจสอบว่า เมื่อผ่านการอบรมแล้ว จะต้องมีการตรวจสอบทัศนคติ อย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญต้องติดตามเรื่องความเป็นอยู่ และพฤติกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง และมอบหมายให้มีความชัดเจน
+++พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 เป็นประธานแถลงข่าวความคืบหน้าคดีลอบวางระเบิดห้างบิ๊กซี ปัตตานีเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม หลังมีการออกหมายจับผู้ร่วมก่อเหตุรวม 9 คน พร้อมควบคุมตัวนายสะมะแอ มามะ ครูสอนศาสนา หรืออุสตาซ และนายซูฮัยมี สมาแอ แกนนำระดับปฏิบัติการที่มีส่วนในเหตุการณ์สอบสวนต่อที่ค่ายอิงคยุทธบริหารขณะที่ผู้ต้องหาที่ถูกศาลจังหวัดปัตตานีออกหมายจับประกอบด้วย นายอันนุวา กาซอ นายรุสลัน ใบหมะ นายเมาลานา สาเมาะ นายอิสมาแอล มอซู นายบูคอลี หลำโซะ นายอับดุลอาชิ จะปะกิยา นายมะนาแซ ไซดี และนายมูฮำมัด กาซอ โดยทั้ง 8 คน ศาลออกหมายจับเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม ส่วนนายมะกอเซ็ง หม้าแอ ถูกออกหมายจับไปก่อนหน้านี้ ด้านชุดสืบสวนพร้อมเจ้าหน้าที่ทหารและฝ่ายปกครอง ยังกระจายกำลังออกหาข่าวและติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ โดยพบว่าบางส่วนหลบหนีออกนอกพื้นที่จังหวัดปัตตานี ขณะที่บางส่วนยังหลบซ่อนตัวในป่าลึก พร้อมตั้งด่านจุดสกัด และวางกำลังคุมเข้มสถานที่ราชการและแหล่งชุมชนเพื่อป้องกันกลุ่มคนร้ายก่อเหตุซ้ำ
ส่วนที่จังหวัดสงขลา เจ้าหน้าที่ได้จัดทำป้ายสรุปผู้ที่มีหมายจับคดีก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดสงขลา 17 คน ประกอบด้วยพื้นที่อำเภอจะนะ 1 คน อำเภอเทพา 6 คน และสะบ้าย้อย 10 คน มาติดไว้ที่ด่านตรวจความมั่นคงทุกแห่ง เพื่อให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังและตรวจสอบ ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่เสี่ยงของจังหวัด นอกจากนี้ ยังนำหมายจับผู้ก่อเหตุก่อนหน้านี้ในพื้นที่อำเภอจะนะ เทพา นาทวี และสะบ้าย้อยจำนวน 8 คน มาติดไว้เช่นกัน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจจดจำใบหน้าและตรวจสอบ พร้อมมีบัญชีรถยนต์และจักรยานยนต์ที่สูญหาย และเครือข่ายต้องเฝ้าระวังมาเป็นคู่มือในการตรวจสอบด้วย สำหรับประชาชนที่พบเห็นบุคคลเหล่านี้หรือบุคคลต้องสงสัย ให้รีบแจ้งสายด่วน 191 หรือ 073 – 299 – 345 โดยเจ้าหน้าที่จะคุ้มครองพยานไว้เป็นความลับและรับรองความปลอดภัยขั้นสูงสุด
+++นายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทย (ส.อ.ท.) เดือน เม.ย.2560 อยู่ที่ระดับ 86.4 ปรับตัวลดลงจากระดับ 87.5 ในเดือน มี.ค. พบว่าผู้ประกอบการมีความกังวลต่อต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้นจากราคาวัตถุดิบและค่าจ้างแรงงาน การแข็งค่าของอัตราแลกเปลี่ยน ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 100 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 99 ที่คาดการณ์ในเดือน มี.ค. เนื่องจากผู้ประกอบการเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยในครึ่งหลังปี 2560 ขยายตัวดีขึ้นจากการลงทุนและการใช้จ่ายของภาครัฐ รวมทั้งการส่งออกของไทยที่มีการขยายตัวต่อเนื่อง
+++การแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธนาคารพาณิชย์ 16 แห่ง และ บรรษัทบริหารสินทรัพย์ สุขุมวิท SAM จึงได้ร่วมกันจัดตั้งโครงการแก้ไขปัญหาหนี้ส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน หรือ คลิกนิกแก้หนี้ ขึ้น เพื่อช่วยให้ลูกหนี้ที่สุจริตและมีความมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาได้มีโอกาสแก้ไขปัญหาภาระหนี้สินที่มีกับเจ้าหนี้หลายรายอย่างครบวงจรและเป็นมาตรฐานเดียวกัน โดย SAM จะทำหน้าที่เป็นหน่วยงานกลางเพื่อทำหน้าที่แทนเจ้าหนี้ในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้อยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ตามศักยภาพจริง
+++โครงการคลินิกแก้หนี้ จะเริ่มต้นในวันที่ 1 มิ.ย. 2560 ครอบคลุมเฉพาะสินเชื่อบุคคลที่ไม่มีหลักประกันของธนาคารไทยและสาขาของธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศที่มีเจ้าหนี้หลายราน ซึ่งมีสถานะเป็นหนี้เสีย (ค้างชำระมากกว่า 90 วัน) ก่อนวันที่ 1 พ.ค. 2560 โดยลูกหนี้ที่เข้าร่วมโครงการจะต้องแสดงเจตนาที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรม สร้างวินัยในการใช้จ่าย และจะมีการติดตามประเมินผลโครงการนี้เป็นระยะเพื่อปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลพบว่า ปี 2559 มีระดับหนี้ครัวเรือน อยู่ที่ ร้อยละ 79.9 ของจีดีพี และยังพบว่ากว่า ร้อยละ 16 หรือ 3 ล้านคน เป็นกลุ่มลูกหนี้ที่มีการค้างชำระเกิน 90 วัน โดยลูกหนี้ที่ผิดนัดชำระส่วนใหญ่ อายุ 29 ปี สูงถึง 1 ใน 5 ของลูกหนี้ทั้งหมด ขณะที่ปริมาณหนี้เฉลี่ยต่อราย อยู่ในระดับสูงถึง 1.5 แสนบาท
#แก้หนี้