คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เตรียมปฎิรูปโครงสร้างองค์กร ให้เพิ่มประสิทธิการทำงานได้เต็มที่ และโปร่งใส เพื่อเตรียมความพร้อมกับ รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยอมรับว่า ช่วงนี้เป็นช่วงที่เหมาะสมที่ทาง กกต. จะต้องมีการปฎิรูปโครงสร้างการบริหารงานเลือกตั้ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของเจ้าหน้าที่ ให้ กกต.ประจำจังหวัด มีประสิทธิภาพในการทำงานภายใต้ระบบการบริหารที่เป็นธรรมาภิบาล และใช้กำลังคนอย่างคุ้มค่า โดยจะมีการปรับอัตราเจ้าหน้าที่ ในส่วนของ กกต.ประจำจังหวัด จากเดิมที่มีจังหวัดละ 18-47คน เปลี่ยนไปปรับเป็นตามขนาดของจังหวัด โดยจะอยู่ที่จังหวัดละ 20-30คน แต่ถ้าจังหวัดใดเป็นจังหวัดใหญ่ เช่น นครราชสีมา ก็จะปรับเพิ่มเป็น 35 คน
สำหรับ กกต.ส่วนกลาง จะไม่มีการเพิ่มอัตรา แต่จะเฉลี่ยบุคคลากรออกไปให้ กกต.จังหวัด ประมาณ 180-200 คน เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและรองรับการทำงานการเลือกตั้งในอนาคต โดยให้อยู่บนพื้นฐาน การทำงานที่ โปร่งใส สามารถให้ประชาชนมีส่วนร่วม และไม่อยู่ภายใต้พรรคการเมือง
สำหรับการขั้นตอนการพิจารณาคำร้องคัดค้านการเลือกตั้ง ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ อาจจมีการขยายเวลาในการพิจารณารับรองผลการเลือกตั้ง จากเดิม 30 วัน เป็น 60 วัน เพื่อให้ทาง กกต.มีเวลาในการทำงานที่มากขึ้น
นอกจากนี้ นายสมชัย ยังกล่าวว่า กกต.ได้มีมติสั่งการไปยัง กกต.ประจำจังหวัด ให้เตรียมความพร้อมในการทำหน้าเป็นฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมสรรหาสมาชิกสภาปฎิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. โดยขอให้ซักซ้อมแบ่งงาน ว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง ส่วน กกต.กลางก็เตรียมเดินหน้าประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบถึงความสำคัญของสภาปฎิรูปฯ รวมถึงบทบาทหน้าที่ เพื่อนำไปสู่ความเข้าใจก่อนที่จะสมัครรับการสรรหา ซึ่งส่วนของสำนักงาน กกต. เอง จะขอใช้สิทธิ์ในการเสนอชื่อ 2 รายชื่อ เข้าไปเป็นสมาชิกสภาปฎิรูปฯ แต่จะเป็นบุคคลใด ต้องมีการประชุมเพื่อขอมติจากกรรมการ กกต.ทั้ง 5 คนอีกครั้ง