หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าไม่มีสั่งซื้อรถยานเกราะล้อยาง vn-1 จากจีน 34 คัน วงเงิน 2 พันล้านบาทเพิ่มจากจีน ประเทศจีนซึ่งหากการรับซื้อจะต้องเป็นไปตามระเบียบขั้นตอนการพิจารณาการใช้งบประมาณก่อน
ส่วนการแก้ปัญหาชายแดนใต้ นายกรัฐมนตรีระบุว่าไม่ต้องการให้เกิดเป็นประเด็นเพราะฝ่ายความมั่นคงได้ดำเนินการแก้ไขในเรื่องนี้อยู่แล้ว และในวันนี้สถานการณ์ก็คลี่คลายลงเป็นอย่างมาก จึงขออย่าทำต่างเรื่องนี้ไปสู่สากล หรือดึงต่างประเทศเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วย ส่วนกรณีการตรวจสอบความโปร่งใสในการใช้จ่ายงบประมาณในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะในส่วนของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนใต้ (ศอ.บต.) ที่มีชาวบ้านตั้งคำถาม เช่น โครงการติดตั้งเสาไฟโซลาร์เซลล์ ใช้งบกว่าพันล้าน แต่ชำรุดเสียหาย นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จะต้องดำเนินการตรวจสอบโครงการ รวมไปถึงสาเหตุที่ว่ามีการติดตั้งแล้วเสียหายได้อย่างไร ซึ่งการดำเนินการทุกอย่างย่อมมีงบประมานและสัญญาให้ตรวจสอบ
ส่วนมาตรการกวดขัน สถานบริการเปิดเกินเวลา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าได้สั่งการย้ำให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง และฝ่ายปกครอง ให้ใช้กฎหมายที่มีอยู่แล้วเดิมและเปิด-ปิดตามที่เวลากำหนด ถ้าฝ่าในก็ต้องยึดใบอนุญาตปิดร้าน ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจในพื้นที่ก็ต้องรับผิดชอบด้วย ทั้งนี้มองว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของสังคมทั้งยาเสพติด โสเภณี ซึ่งเราทุกคนจะต้องช่วยกันสร้างค่านิยมเพื่อทำให้สังคมปลอดภัย และเป็นสังคมที่ดีขึ้นกว่านี้
นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึง กรณีที่ภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน ร้องกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)ให้ตรวจสอบกรณีข้าราชการระดับสูงเกี่ยวข้องกับการฮั้วประมูล ซึ่งเป็นระบบ E-bidding โดยการขายข้อมูล ว่า ได้สั่งการให้ดำเนินการตรวจสอบแล้ว ขณะเดียวกันกระทรวงการคลังและกรมบัญชีกลาง ก็ได้ดำเนินการแก้ปัญหาเรื่องอื่นด้วยโดยเฉพาะการจัดซื้อจัดจ้าง โดยสั่งการให้กระทรวงการคลังร่วมมือกับองค์กรต่อต้านการทุจริตซึ่งได้มีการขึ้นทะเบียนบริษัทที่ทิ้งงาน หรือไม่มีประสิทธิภาพกว่า 800 บริษัทไม่ให้สามารถเข้ามาประมูลงานได้
ส่วนผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีของเกาหลีใต้จะมีผลต่อสถานการณ์ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีนายกรัฐมนตรีได้แสดงความยินดีกับทุกคนที่ได้รับเลือก ส่วนการแก้ปัญหามองว่าองค์กรระหว่างประเทศ ทุกประเทศที่มีส่วนเกี่ยวข้องต้องการดำเนินการแก้ปัญหาในเรื่องนี้อยู่แล้ว