ผู้นำหลายประเทศร่วมแสดงความยินดีต่อชัยชนะผู้นำคนใหม่ของฝรั่งเศส

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กล่าวแสดงความยินดีต่อนาย เอ็มมานูแอล มาครง ผู้นำกลุ่มการเมืองออง มาร์ช ผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศส และมีกำหนดรับตำแหน่งในสัปดาห์หน้า ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ มีความเห็นว่า เหตุกราดยิงตำรวจที่ถนนฌองเอลิเซในกรุงปารีส จะมีผลต่อการตัดสินใจของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ซึ่งโดยส่วนตัวผู้นำสหรัฐให้การสนับสนุนนางมารีน เลอ แปน จากพรรคเนชั่นแนลฟรอนต์ ที่เขาเห็นว่าเป็นผู้สมัครที่มีนโยบายเด็ดขาดที่สุดต่อปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามเขาแสดงความยินดีต่อว่าที่ผู้นำคนใหม่ของฝรั่งเศส และพร้อมที่จะมีการทำงานร่วมกันต่อไป

ส่วนนาง ฮิลลารี คลินตัน ซึ่งพ่ายแพ้ให้แก่ประธานาธิบดีทรัมป์ ในการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ ทวีตข้อความแสดงความยินดีต่อนายมาครง และเห็นว่าเป็นชัยชนะของฝรั่งเศส สหภาพยุโรป หรืออียู และทั่วโลก

ด้านนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ แห่งสหราชอาณาจักร โทรศัพท์แสดงความยินดีต่อนายมาครง พร้อมหารือเรื่องแนวทางการทำงานของนายมาครงเกี่ยวกับการที่สหราชอาณาจักรถอนตัวออกจากอียู ซึ่งฝ่ายสหราชอาณาจักรยังต้องการเป็นหุ้นส่วนที่เข้มแข็งของอียู หลังการออกจากกลุ่มไปแล้ว

นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคล ของเยอรมนี เป็นอีกคนหนึ่งที่โทรศัพท์แสดงความยินดีและแสดงความคาดหวังว่าความสัมพันธ์ระหว่างฝรั่งเศสและเยอรมนีจะเป็นเสาหลักของอียู โดยนายมาครงยังเตรียมเดินทางเยือนเยอรมนีหลังจากที่เข้ารับตำแหน่งผู้นำประเทศต่อไป

ส่วนนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ แห่งญี่ปุ่น เห็นว่าชัยชนะของนายมาครง จะเป็นตัวกำหนดอนาคตของอียู และเป็นชัยชนะที่แสดงให้เห็นถึงการต่อต้านความเห็นแก่ตัวและการปกป้องทางการค้า และยังแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในอียูด้วย

ขณะที่ประธานาธิบดีฟรองซัวส์ ออลลองด์ ที่กำลังจะพ้นตำแหน่งผู้นำฝรั่งเศสเห็นว่าผลการเลือกตั้งแสดงให้เห็นว่าประชาชนยังให้ความสำคัญต่อสิทธิและเสรีภาพ ทั้งยังต้องการอยู่กับอียูต่อไป

แต่ในเวลาเดียวกันการเลือกตั้งครั้งนี้ ในกลุ่มผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 47 ล้าน 5 แสน 8 หมื่นคนมีอยู่มากถึง 1 ใน 3 ที่ลงคะแนนไม่เลือกผู้สมัครทั้ง 2 คน หรือไม่ออกไปใช้สิทธิ์ ซึ่งเป็นสถิติสูงที่สุดในรอบเกือบ 50 ปี โดยมีผู้ใช้สิทธิ์ร้อยละ 65.3 ของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง นอกจากนี้ยังมีความกังวลกรณีที่นายมาครงเป็นผู้นำจากกลุ่มการเมืองที่เพิ่งตั้งขึ้นใหม่ ทำให้ไม่มีเสียงสนับสนุนในสภา จึงต้องพยายามอย่างหนักเพื่อให้ได้เสียงสนับสนุนจากกลุ่มผู้ที่ชนะการเลือกตั้งสมาชิกสภาแห่งชาติจำนวน 577 ที่นั่ง ในวันที่ 11 และ 18 มิถุนายนนี้

..

france24