แม้ว่าเจ้าหน้าที่รัฐของมาเลเซียราว 1 ล้าน 6 แสนคนน่าจะเป็นฐานเสียงสำคัญในการลงคะแนนเสียงสนับสนุนพรรคอัมโนของนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค ในการเลือกตั้งสมัยหน้า แต่ดูเหมือนเส้นทางการกลับเข้าบริหารประเทศในสมัยหน้าของนายกรัฐมนตรีนาจิบอาจจะไม่ได้ราบรื่น เนื่องจากปัญหาค่าครองชีพในมาเลเซียที่พุ่งสูงขึ้น จนทำให้คะแนนความนิยมในรัฐบาลภายใต้การบริหารของพรรคอัมโนลดลง โดยเฉพาะในกลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐ
ค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้นเป็นผลมาจากการที่รัฐบาลมาเลเซียบังคับใช้มาตรการลดการอุดหนุนจากภาครัฐและการนำอัตราภาษีสินค้าและบริการใหม่มาใช้เพื่อแก้ปัญหารายได้จากภาคอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมที่ลดลง จนทำให้บรรดาเจ้าหน้าที่รัฐต่างโอดครวญว่ารายได้ไม่พอกับรายจ่าย เช่นเดียวกับบรรดาพลเมืองที่ไม่ได้มีเชื้อสายมาเลย์และผู้ที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในเขตเมืองต่างก็ไม่ได้ให้การสนับสนุนพรรคอัมโนอยู่แล้วก็กำลังเดือดร้อนจากภาวะค่าครองชีพสูงขึ้นเช่นกัน ขณะที่อัตราเงินเฟ้อในมาเลเซียอยู่ที่ร้อยละ 5.1 นับเป็นสถิติสูงที่สุดในรอบ 8 ปี มากที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สอดคล้องกับการเติบโตของอัตราค่าจ้างแรงงานในภาคเอกชนที่คาดว่าอยู่ที่ร้อยละ 5.7 ต่างจากค่าจ้างในภาครัฐที่โตขึ้นเพียงร้อยละ 2-3 ภาวะค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้นโดยไม่สอดคล้องกับค่าจ้างแรงงาน ทำให้เจ้าหน้าที่รัฐจำนวนมากต้องหาทางออกด้วยการกู้หนี้ยืมสิน จนทำให้ในขณะนี้มีเจ้าหน้าที่รัฐมากกว่า 60,000 คนตกอยู่ในภาวะเสี่ยงล้มละลาย ส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่ที่ประจำอยู่ในกรุงกัวลาลัมเปอร์และปีนัง ซึ่งเป็นเมืองใหญ่
**14.01F174**