ภายหลังการสอบปากคำผู้ต้องหา5ราย ในเครือข่าย"นกฮูกน้ำเพียงดิน"ขบวนการค้ามนุษย์จังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่ตำรวจปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.)สามารถควบคุมตัวได้ เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 5ราย ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา อ้างว่าไม่รู้จักดาบตำรวจยุทธชัย ทองชาติ ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ และไม่เคยจัดหาเด็กในลักษณะนำไปขายบริการ
นางสาวปัทมพร อิ่นแก้ว หรือ อึง 1ในผู้ต้องหา ยอมรับว่ารู้จักกับนางสาวฟ้า ที่ ถูกจับกลุ่มไปก่อนหน้านี้ พร้อมนำ หลักฐานแชทไลน์ที่มารดาของผู้เสียหายพูดคุยกับ ลุงพัน (ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง) ในลักษณะพาดพิงถึงตัวเองและผู้ต้องหารายอื่นที่ถูกออกหมายจับ โดยระบุชื่อนามสกุล และข้อมูลส่วนตัวชัดเจน ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ตัวเองกับพวกจึงขอหลักฐานจากลุงพันไปร้องทุกข์ที่ศูนย์ดำรงธรรม จังหวัดแม่ฮ่องสอนมาแล้ว ยืนยันว่า ไม่ได้สนิทสนมกับลุงพัน แต่เคยนั่งดื่มสุราด้วยกันเท่านั้น
ขณะที่ มารดาผู้เสียหาย ได้มาชี้ตัวผู้ต้องหา พร้อมยืนยันว่าผู้ต้องหาหญิงทั้ง 4 คน เป็นคนที่ลูกสาวซัดทอดว่าเป็นกลุ่มแม่เล้าที่พาไปค้าบริการจริง ส่วนผู้ต้องหาผู้ชายหรือนายมงคล เกียรติภักดีพงศ์ ไม่รู้จัก ทั้งนี้ มีผู้เสียหายที่ถูกพาไปค้าบริการมีประมาณ 20 คน แต่มีผู้ปกครองของผู้เสียหายเพียง2ราย ที่มอบอำนาจให้ตัวเองมาร้องทุกข์ ซึ่งผู้เสียหายยืนยันว่า ถูกพาไปค้าบริการกับผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนคนปัจจุบันจริง ในช่วงปลายเดือนกันยายน โดยตำรวจติดต่อผ่านทางแม่เล้าและพ่อเล้ารวม 6 คน รวมถึงน.ส.เมย์กับน.ส.ฟ้า ผู้ต้องหาที่จับได้ก่อนหน้านี้ด้วย ขณะที่ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนมาสำรวจพื้นที่ก่อนจะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 1 ตุลาคม 2559
นอกจากนี้ มารดาผู้เสียหายได้นำหลักฐานที่สนทนาทางโทรศัพท์กับลุงพัน ซึ่งอยู่ในกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน( กอ.รมน.)ที่โทรมาสอบถามข้อมูลทางคดี และอ้างว่ามีรองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ดูแลเรื่องทหาร จะขอช่วยเหลือทางคดี และได้วางสายไป ต่อมาโทรศัพท์กลับมาอีกครั้ง โดยขอสายนางสาวปัทมพร ในลักษณะต้องการจะช่วยเหลือผู้ต้องหา ทำให้เห็นว่ากลุ่มของลุงพันมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ต้องหา ซึ่งข้อมูลทั้งหมดได้บันทึกเสียงไว้และส่งให้ตำรวจ ปคม. ดำเนินการแล้ว
ด้านพลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการให้ตำรวจปคม. สอบสวนขยายผลถึงบุคคลที่ถูกพาดพิงทั้งหมด พร้อมยืนยันว่าไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องจับเท็จในการสอบสวน แต่ก็เป็นวิธีการทางนิติวิทยาศาสตร์อย่างหนึ่งที่จะนำมาใช้สอบสวนร่วมกัน ส่วนกรณีที่กระแสข่าวว่าปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึ้นเกิดจากความขัดแย้งของตำรวจ2กลุ่ม เรื่องนี้ไม่ทราบ เมื่อมีการร้องทุกข์กล่าวโทษก็ต้องสืบสวนสอบ
ส่วนจะดำเนินคดีกับผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนหรือไม่ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติระบุว่า ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน หากพาดพิงไปถึงใครก็จะดำเนินการ อย่างไรก็ตามวันนี้ศาลได้ออกหมายเรียกตำรวจ 5 นาย โดยมียศสูงสุดคือพันตำรวจโทและครูอีก1คน ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อบริการกับขบวนการนี้มารับทราบข้อกล่าวหา พร้อมได้กำชับว่าเมื่อตำรวจ5นายเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง และให้ออกจากราชการไว้ก่อนและวันที่5พฤษภาคมพลตำรวจเอกศรีวราห์จะลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อเร่งรัดขยายผลจับกุมกลุ่มผู้ซื้อบริการ อีกจำนวน 33 คดี
มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้เสียหายเข้าเครื่องจับเท็จ ที่กองพิสูจน์หลักฐานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อยืนยันคำให้การว่าตรงกับที่ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนหน้านี้หรือไม่ ส่วนผู้ต้องหาทั้ง5ราย คาดว่าพรุ่งนี้จะนำตัวไปฝากขังต่อศาลอาญารัชดา
ผู้สื่อข่าว:ธนดา เฉลิมวันเพ็ญ