กรมการขนส่งทางบก ลงพื้นที่ตรวจรถแท็กซี่และรถโดยสารสาธารณะบริเวณจุดรับ-ส่งผู้โดยสารขาออก และสถานีรถโดยสารประจำทางภายในสนามบินสุวรรณภูมิ นายนิมิตร โกสมุทร์ เจ้าพนักงานขนส่งชำนาญงาน เปิดเผยว่า จุดแรกที่เจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก ได้ลงพื้นที่ตรวจเป็นจุดที่รถแท็กซี่เข้ามาส่งผู้โดยสาร บริเวณอาคารผู้โดยสารขาเข้าชั้น 4 ของสนามบินสุวรรณภูมิ โดยเจ้าหน้าที่จะเน้นตรวจเรื่องอุปกรณ์ความปลอดภัย สภาพอายุการใช้งานของรถ การจดทะเบียนรถ รวมไปถึงการแต่งกาย และการแสดงบัตรประจำตัวของผู้ขับขี่อีกด้วย
จากการลงพื้นที่บริเวณดังกล่าว เบื้องต้นพบว่ามีรถโดยสารสาธารณะ ทำผิดจำนวน 15 คัน โดยแบ่งเป็นรถแท็กซี่ 13 คัน ซึ่งเป็นความผิดเป็นแท็กซี่ป้ายแดงหรือรถที่ยังไม่จดทะเบียน แต่งกายไม่สุภาพ ไม่มีบัตรประจำตัวผู้ขับรถ และรถบัสโดยสารไม่ประจำทางจำนวน 2 คัน ซึ่งเป็นการนำรถไม่จดทะเบียนมาให้บริการ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้มีการออกใบสั่งและทำการเปรียบเทียบปรับตามที่กฎหมายกำหนด
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก ก็ได้ลงพื้นที่ตรวจความเรียบร้อยของรถแท็กซี่ที่มารับผู้โดยสารออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ บริเวณชั้น 1 ของอาคารผู้โดยสาร ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบว่ามีการกระทำผิด เนื่องจากรถแท็กซี่ที่มาให้บริการจุดนี้เป็นรถแท็กซี่ที่มีการลงทะเบียน กับการท่าอากาศยานแล้วทุกคัน ตามเงื่อนไข ซึ่งรถที่นำมาใช้บริการจะต้องเป็นรถที่ใช้งานไม่เกิน 5 ปี และผู้ขับขี่ต้องมีอายุไม่เกิน 65 ปี พร้อมทั้งทำบันทึกประวัติผู้ขับขี่เพื่อให้ง่ายกับการติดตามตัวหากเกิดเหตุฉุกเฉิน หรือหากผู้โดยสารลืมสัมภาระ ซึ่งรถแท็กซี่ที่ให้บริการบริเวณนี้จะให้บริการเฉลี่ยวันละ 3 พันคัน
หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบรถโดยสารสาธารณะบริเวณสถานีให้บริการรถประจำทางภายในสนามบินสุวรรณภูมิ โดยเน้นการตรวจรถตู้โดยสาร โดยเฉพาะการปรับปรุงจำนวนที่นั่งผู้โดยสาร ให้ไม่เกิน 13 ที่นั่ง และมีช่องทางว่างด้านท้าย เพื่อเป็นทางออกฉุกเฉิน ตามคำสั่งมาตรา 44 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)เรื่องเพิ่มความปลอดภัยในรถโดยสารสาธารณะ ซึ่งจะเริ่มดีเดย์ใช้กฎหมายจับ - ปรับในอัตราเบื้องต้นในวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ ซึ่งจากการตรวจสอบ พบว่ารถตู้โดยสารสาธารณะส่วนใหญ่ที่มาให้บริการ ประชาชนในบริเวณนี้ ได้ปฏิบัติตามโดยมีการนำเบาะด้านท้ายรถออกเพื่อทำเป็นทางออกฉุกเฉินแล้ว แต่ยังคงมีรถตู้บางคันที่ยังไม่ได้ดำเนินการซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทำการตักเตือน และเร่งให้คนขับรถโดยสารไปดำเนินการ ก่อนวันที่ 15 พฤษภาคม ที่เมื่อเมื่อครบกำหนดรถตู้โดยสารทุกคันจะต้องดำเนินการแล้วเสร็จไม่เช่นนั้นถือเป็นความผิดตามกฎหมาย
ผู้สื่อข่าว:ปิยะธิดา เพชรดี